หุ้นสหรัฐกอดคอดิ่งหนักรอบ 2 ปี กอบศักดิ์ชี้ ฟองสบู่หุ้นอเมริกา “แฟบลง”

หุ้นสหรัฐร่วง
REUTERS/Andrew Kelly

“กอบศักดิ์” เปิดปมหุ้นสหรัฐพร้อมใจดิ่ง ชี้ลงแรงสุดในรอบ 2 ปี ระบุเป็นสัญญาณที่ฟองสบู่หุ้นอเมริกา “แฟบลง” จับตาหุ้นกลุ่มค้าปลีกตกด้วย สะท้อนตลาดกลัวเศรษฐกิจสหรัฐใกล้ชะลอตัว

วันที่ 19 พฤษภาคม 2565 ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ โพสต์เฟซบุ๊ก “Dr.KOB” (https://www.facebook.com/drkobsak) ระบุว่า วานนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ ได้พร้อมใจกันตก โดยดัชนี Dow Jones ลดลง 1,164.52 จุด หรือ -3.57% Nasdaq ลดลง 566.37 หรือ -4.73% และ S&P 500 ลดลง 165.07 หรือ -4.04% เป็นการลดลงแรงสุดในรอบ 2 ปี

ซึ่งเมื่อดูการเปลี่ยนแปลงของดัชนีเทียบกับวันก่อนหน้า จะเห็นถึงสัญญาณของช่วงความผันผวน ที่ราคาหุ้นเหวี่ยงขึ้นลงแรงเป็นพิเศษ ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่ต้นปี 2022 (พ.ศ. 2565) เป็นต้นมา ที่แตกต่างจากช่วงก่อนหน้า
ทำให้ฟองสบู่ในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐได้แฟบลงไปมาก โดยฟองสบู่ Nasdaq ที่เพิ่มสูงไปถึง 63.6% จาก Peak (สูงสุด) ก่อนโควิด ได้ปรับลดลงมาเหลือเพียง 16.3% เท่านั้น

“พูดง่าย ๆ ฟองสบู่หุ้นในสหรัฐ ได้แฟบลงไปมาก เพราะที่ Nasdaq เหลือ 16.3% เทียบกับ 2 ปีกว่า ๆ ก็คือ ขึ้นปีละ 8% (ซึ่งปกติมาก) ส่วน Dow Jones ที่เพิ่มขึ้นมา ก็เหลือเพียง 6.6% เท่านั้น หรือขึ้นปีละ 3.3% เท่านั้น ส่วนที่ตกเมื่อวานนี้ ถ้าลองดู Map ของ S&P500 จาก Finviz จะเห็นได้ว่าลดลงทุก Sectors ตกลงเกือบทุกบริษัท จนแทบจะหาที่ยังเขียวอยู่ไม่ได้ โดยหุ้น Tech ที่ว่าลดลงมากแล้ว สุดท้ายก็ยังลดลงต่อไป ไม่ว่าจะเป็น Apple, Google, Amazon, Microsoft, Tesla, Nvidia”

ดร.กอบศักดิ์ชี้ว่า แต่หุ้นที่นำตลาดจริง ๆ คือหุ้นในกลุ่ม Consumer Defensive ที่ปรับลดลงมากเช่น Target (-24.93%), Costco (-12.45%), Walmart (-6.79%) ซึ่งปกติแล้วจะเป็นหุ้นที่พอไปได้ในช่วงนี้ แต่ล่าสุด เงินเฟ้อที่มากขึ้น ที่ทำให้คนอเมริกันจ่ายค่าน้ำมันขณะนี้ ปีละ 5,000 เหรียญ เพิ่มจากปีก่อนหน้าที่จ่ายเพียง 2,800 เหรียญ ทำให้เงินที่จะไปจับจ่ายใช้สอยในร้าน Super เหล่านี้ลดลง และผู้บริโภคจึงเลือกที่จะบริโภคในสินค้าที่ถูกลง (Margin น้อย สำหรับร้านเหล่านี้) ส่วนสินค้าที่ Premium มากขึ้น (Margin ดี) ก็ถูกซื้อลดลง และยังมีค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นอีกพอสมควร

“ไม่น่าแปลกใจที่ผลประกอบการของ Retail Consumers อย่าง Target จึงออกมาต่ำกว่าตลาดคาด ทำให้ทุกคนกลัวกันต่อไปว่า นี่คือ สัญญาณของการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ที่กำลังจะมาถึง เพิ่มเติมกับเรื่อง เงินเฟ้อเอาไม่อยู่ และเฟด (ธนาคารกลางสหรัฐ) ต้องขึ้นดอกเบี้ยแรง พร้อมเร่งดูดสภาพคล่องกลับ ที่นักลงทุนกลัวกันมากอยู่แล้วแต่เดิม ซึ่งเมื่อ “กลัว” มาเจอกับ “กลัว” ตลาดก็ปั่นป่วนครับ” ดร.กอบศักดิ์กล่าว