หุ้นไทยแกว่ง 1,550-1,565 จุด ไร้ปัจจัยใหม่หนุน หุ้นเด่นวันนี้ BCH เล่น “เก็งกำไร”

หุ้น-ดัชนีหุ้น

โบรกเกอร์ “ฟินันเซีย ไซรัส” คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งในกรอบ 1,550-1,565 จุด ภาพรวมยังไร้ปัจจัยใหม่หนุน ประธานเฟดยังเน้นย้ำถึงหน้าที่ขอดึงเงินเฟ้อกลับสู่กรอบเป้าหมาย 2% พยายาม Soft Landing เศรษฐกิจสหรัฐในปีหน้า ท้าทายและยอมรับว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิด Recession คาด SET Index จะยังแข็งแรงกว่าภูมิภาค จากเศรษฐกิจในประเทศกำลังเร่งตัวตาม Reopening แนะนำหุ้นเด่นวันนี้ BCH เล่น “เก็งกำไร”

วันที่ 24 มิถุนายน 2565 บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยว่า วานนี้ดัชนี SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบแคบและปิดลบเล็กน้อย 2.41 จุด หลังขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น ตลาดยังคงจับตาสถานการณ์เงินเฟ้อและความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย (Recession) นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสทุธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 1,141 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,239 ล้านบาท (แต่ Long Index Futures เล็กน้อย 2.1 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ เราคาด SET Index ยังคงแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,550-1,565 จุด ภาพรวมยังไร้ปัจจัยใหม่หนุน การแถลงต่อสภาฯของประธานเฟดวันที่ 2 ยังคงเน้นย้ำถึงหน้าที่ของเฟด อย่างไรข้อแม้ในการดึงเงินเฟ้อให้กลับสู่กรอบเป้าหมาย 2% และพยายาม Soft Landing เศรษฐกิจสหรัฐในปีหน้า

ซึ่งท้าทายและยอมรับว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิด Recession ทำให้ราคาน้ำมันมันดิบหลังจากปรับฐานลงแรงยังฟื้นตัวได้จำกัด จากความกังวลเรื่องดีมานด์ที่อาจลดลงในระยะถัดไป

อย่างไรก็ตามเรายังเชื่อว่า SET Index จะยังแกว่งตัวได้แข็งแรงกว่าภูมิภาคอื่นๆ จากเศรษฐกิจในประเทศที่กำลังเร่งตัวตามการ Reopening และเปิดประเทศในครึ่งหลังของปี 65 ระยะกลางถึงระยะยาวเรามองจังหวะปรับลงของดัชนีหาระดับ 1,520 จุด(บวก-ลบ) เป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐาน ส่วนระยะสั้นยังเน้นลงทุนในหุ้น Value และ Defensive Play ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าบริการจำเป็น

ซึ่งคาดแกว่งตัวได้แข็งกว่าตลาด รวมถึงหุ้น Reopening Play ที่ได้อานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว
กลยุทธ์เน้นลงทุนหุ้น Value และ Defensive Play ที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 2 และครึ่งหลังปี 65 แข็งแกร่ง โดยหุ้นเด่นเดือน มิ.ย.คือ BCP, CK, CPALL, MAJOR, SAWAD

หุ้นเด่นวันนี้แนะนำ BCH เล่น “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA อยู่ที่ 28.50 บาท แม้แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/65 จะชะลอตัวจาก Low Season และสถานการณ์โควิดที่คลี่คลาย แต่ตลาดมองข้ามการดำเนินงานหลักที่ยังเติบโตแข็งแกร่งทั้งผู้ป่วยไทย และต่างชาติและรายได้ประกันสังคม รวมถึงโรงพยาบาลใหม่ ๆ ที่เพิ่งเปิดช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาที่ไม่ถ่วงผลการดำเนินงานแล้ว

คาดกำไรปี 65-66 ติดลบ -32% Y-Y และ -58% Y-Y แต่คาดกำไรปี 65 จะยังสูงกว่าช่วงก่อนโควิดโคถึงกว่าง 50% ระยะสั้นคาด Downside จำกัดและมีโอกาสเกิด Technical Rebound จากแนวรับหลัก ให้แนวรับ 18-17.80 บาท และแนวต้าน 18.50-19 บาท

ส่วนกระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคต่อเนื่องแต่บางลงเหลือ 530 ล้านเหรียญ ไต้หวันและเกาหลีใต้ไหลออกใกล้เคียงกันที่ 169-190 ล้านเหรียญ ส่วนอาเซียนไหลออกสูงสุดคืออินโดนีเซีย 114 ล้านเหรียญ ตามด้วยไทย ส่วนเวียดนามยังมีเม็ดเงินไหลเข้าอ่อน ๆ แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออกแต่เบาบางลง ความผันผวนยังสูงและตลาดยังกังวลเงินเฟ้อและโอกาสเกิด Recession ปีหน้า