คนไทยแห่เที่ยวต่างประเทศ ธุรกิจแลกเงินยอดพุ่ง 400%

แลกเงิน

ธุรกิจแลกเงินยิ้มรับเปิดประเทศ-ท่องเที่ยวฟื้น “ซุปเปอร์ริชสีส้ม” เผยเครื่องยนต์ธุรกิจดันธุรกรรมโต 400% จากเฉลี่ย 1 พันล้านบาทต่อเดือน เพิ่มเป็น 6-7 พันล้านบาท ทั้งปีแตะ 7 หมื่นล้านบาท “กสิกรไทย”ชี้คนไทยแห่เที่ยวนอก 1.2 ล้านคน เผย “ดอลลาร์สหรัฐ-ยูโร-เยน” ยังครองแชมป์แลกเยอะสุด

นายปิยะ ตันติเวชยานนท์ ประธานกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ริช เคอเรนซี่ เอ็กซ์เชนจ์ (1965) หรือ “ซุปเปอร์ริชสีส้ม” เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากไทยเปิดประเทศเต็มรูปแบบ พบว่าธุรกรรมซื้อขายเงินตราต่างประเทศมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีการระบาดโควิด-19 มีการล็อกดาวน์บางประเทศ ส่งผลให้ยอดธุรกรรมลดลงเหลือเพียง 600 ล้านบาทต่อเดือน เมื่อเทียบกับช่วงปกติก่อนโควิด ปริมาณธุรกรรมจะเฉลี่ยอยู่ที่กว่า 1 หมื่นล้านบาทต่อเดือน

“แนวโน้มธุรกรรมการซื้อขายเงินตราต่างประเทศทยอยฟื้นตัวดีขึ้น โดยในช่วงต้นปีที่มีการทยอยเปิดประเทศ พบว่าเดือนมกราคม 2565 ยอดธุรกรรมเฉลี่ยจะอยู่ที่กว่า 1,000 ล้านบาทต่อเดือน ปัจจุบันปริมาณธุรกรรมกลับมาอยู่ที่ 6,000-7,000 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งหากดูการเติบโตในช่วง 6 เดือนแรก เพิ่มขึ้นถึง 400% และคาดว่าปริมาณธุรกรรมจะฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ ตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวของไทยและต่างประเทศ” นายปิยะกล่าว

สำหรับสกุลเงินต่างประเทศที่ได้รับความนิยมที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยน 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ดอลลาร์-สหรัฐ 2.ยูโร 3.เยน-ญี่ปุ่น 4.ดอลลาร์-สิงคโปร์ และ 5.ดอลลาร์-ออสเตรเลีย โดยสัญญาณการแลกเงินเยนและวอน-เกาหลียังคงได้รับความนิยมในช่วงที่ค่าเงินอ่อนค่า แต่เนื่องจากการเข้าประเทศทั้ง 2 ประเทศอาจจะไม่สะดวก ทำให้การเดินทางยังไม่มากเมื่อเทียบเท่าอียูที่สามารถเข้าประเทศได้ทันที

โดยมองว่าปริมาณธุรกรรมหลังจากนี้จะดีขึ้นต่อเนื่อง โดยมียอดซื้อขายเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 8,000 ล้านบาทต่อเดือน ส่งผลให้ยอดขายทั้งปี 2565 อยู่ที่ราว 7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ราว 7,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ประเด็นที่ยังคงต้องติดตามและเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อธุรกรรมแลกเงิน คือ จำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอนเพิ่มขึ้น ซึ่งมีผลต่อมาตรการที่เข้มงวดขึ้นทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงสงครามรัสเซียลุกลามอาจกระทบกำลังซื้อและภาคการท่องเที่ยวได้เช่นกัน

นายอมร สุวจิตตานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จำนวนคนไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศปริมาณเพิ่มชัดเจนหลังรัฐบาลยกเลิก Test & Go ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม ซึ่งช่วยลดต้นทุนการท่องเที่ยวได้ 4,000-5,000 บาทต่อคน และจะเพิ่มขึ้นอีกหลังยกเลิกลงทะเบียน Thailand Pass โดยสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) คาดไทยเที่ยวต่างประเทศปีนี้จะฟื้นตัวอยู่ที่ 1.2 ล้านคน จากเคยทำสถิติสูงสุด 11.2 ล้านคนปี 2562

หากดูปริมาณธุรกรรมการแลกเงินและการถอนเงินของชาวต่างชาติในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ จำนวนทั้งสิ้น 8,000 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 200% จากปีก่อน ทั้งนี้ ลูกค้าโดยส่วนใหญ่จะแลกเงินประมาณ 8,000-10,000 บาทต่อครั้ง สำหรับสกุลเงินหลักที่มีการแลกมากที่สุด คือ USD, EUR, JPY, GBP, AUD เป็นต้น ส่วนธุรกรรมการขายเงินตราต่างประเทศเดือนเมษายนเพิ่มมากขึ้น 167% จากเดือนมกราคม 2565

สำหรับธุรกรรมบัตร YouTrip ช่วง 4 เดือนแรกมียอดการสมัครบัตรเติบโตเพิ่มขึ้น 120% จากปีก่อนทั้งปี และมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตร (spending) ในต่างประเทศเติบโตสูงถึง 116% จากปี 2564 และเติบโตขึ้นเกือบ 400% เมื่อเทียบกับปี 2563

นายอมรกล่าวด้วยว่า จากแนวโน้มค่าเงินยูโรร่วงสู่ระดับที่ 1.0045 ดอลลาร์ต่อยูโร ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปีนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2545 โดยมีมูลค่าใกล้เคียงกับเงินดอลลาร์นั้น ปัจจุบันธนาคารยังไม่พบสัญญาณการเข้ามาแลกเงินเพิ่มเป็นปกติแต่อย่างใด เนื่องจากสกุลเงินยูโรเป็นสกุลเงินที่มีการแลกมากเป็นอันดับที่ 2 อยู่แล้ว

“อย่างไรก็ดี ในส่วนของบัตร YouTrip พบว่ามีสัญญาณการแลกเงินยูโรเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน แต่ไม่ได้เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่ามาจากค่าเงินยูโรอ่อนค่า เทียบกับช่วงที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าที่ช่วงนั้นจะเห็นปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นชัดเจน” นายอมรกล่าว

นางสาวจุฑาศรี คูวินิชกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง YouTrip ประเทศไทย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แนวโน้มลูกค้าแลกเงินและใช้จ่ายผ่านบัตร (spending) ผ่านบัตร YouTrip มีสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้นตามการเปิดประเทศและจำนวนนักท่องเที่ยว โดยหากดูยอดใช้จ่ายในร้านค้าต่างประเทศเป็นสกุลเงินต่างประเทศในไตรมาส 1/2565 เทียบกับไตรมาส 2 เติบโตขึ้นเกือบ 200%

“ตอนนี้ยอดใช้จ่ายสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาที่กลับไปเรียนต่างประเทศ และจากการสำรวจจะเห็นว่าคนเพิ่มงบฯสำหรับการไปเที่ยวต่างประเทศอย่างน้อย 20% ส่วนหนึ่งมาจากต้องการช็อปหลังจากอัดอั้นมานาน หรือราคาตั๋วเครื่องบินที่ปรับขึ้น และ YouTrip เรตอัตราแลกเปลี่ยนถูก และไม่มีค่าความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน 3%” นางสาวจุฑาศรีกล่าว


นางสาวชนาพร พูนทรัพย์หิรัญ ประธานกรรมการ บริษัท ทเวลฟ์ วิคทอรี่ เอ็กเชน จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตัวเลขธุรกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทยอยดีขึ้น และแนวโน้มหลังจากนี้จะดีต่อเนื่องตามภาคการท่องเที่ยวและการเปิดประเทศ สะท้อนจากตัวเลขธุรกรรมการซื้อในช่วงต้นปีมียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่กว่า 700 ล้านบาท ปัจจุบันเดือนมิถุนายนมียอดขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3,400 ล้านบาท โดยสกุลเงินที่ได้รับความนิยมยังคงเป็นสกุลดอลลาร์, ยูโร, เยน, ปอนด์สเตอร์ลิง แต่จะเห็นสกุลเงินจากกลุ่มอาหรับเอมิเรตส์มากขึ้น