รัฐบาลกู้ชดเชยขาดดุลพุ่ง ตุนเงินคงคลัง 6 แสนล้านบาท

กระทรวงการคลัง

คลังกู้ชดเชยขาดดุลกว่า 6 แสนล้านบาท ในช่วง 9 เดือนแรกปีงบประมาณ 2565 ตุนเงินคงคลังกว่า 5.8 แสนล้านบาท โชว์เก็บรายได้ทะลุเป้ากว่า 1 แสนล้านบาท ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกปีงบประมาณ 2565 (ต.ค.2564-มิ.ย.2565) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น จำนวน 1,878,346 ล้านบาท

ในขณะที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น จำนวน 2,434,146 ล้านบาท โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล จำนวน 621,075 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันปีก่อน 19,265 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.2% ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือน มิ.ย.2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 587,915 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,857,524 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 111,208 ถ้านบาท หรือ 6.4% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.4%

โดยกรมสรรพากรจัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการ ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ การบริโภค และมูลค่าการนำเข้า

นายพรชัย กล่าวด้วยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือน มิ.ย.2565 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ประกอบกับรายได้เกษตรกรที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง ช่วยสนับสนุนการบริโภคภาคเอกชน

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อระดับราคาพลังงาน ค่าครองชีพของประชาชน และทิศทางเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้มีปัจจัยกดดันจากการเพิ่มขึ้นของระดับราคาสินค้า สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน มิ.ย. 2565 อยู่ที่ 7.66% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 2.51% ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน พ.ค. 2565 อยู่ที่ 60.9% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง รวมทั้งผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานรายใหม่ ในเดือน มิ.ย. 2565 อยู่ที่ 0.69% ของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทั้งหมด

สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2565 อยู่ในระดับสูงที่ 222,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ