คีรี บุกธุรกิจประกันชีวิต เจาะฐานลูกค้ารถไฟฟ้า 15 ล้านคน เป้าเบี้ยหมื่นล้าน

“คีรี กาญจนพาสน์” สยายปีกธุรกิจการเงิน ลงทุนธุรกิจประกันชีวิต “Rabbit Life” เป้าหมายใหญ่ขึ้นท็อป 10 ภายใน 3 ปี เบี้ยประกันแตะหมื่นล้าน ลุยเจาะฐานลูกค้ารถไฟฟ้า 15 ล้านคน ขยายช่องทางตัวแทน-จับมือบริษัทในเครือสร้างช่องทางขายใหม่

วันที่ 26 กรกฎาคม 2565 นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) กล่าวในงานแถลงข่าวเปิดตัวบริษัท แรบบิท ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของกลุ่มว่า บีทีเอสเป็นกลุ่มที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) ระบบรางขนส่งมวลชน เกือบ 30 ปีที่แล้วสมัยที่ผมยังหนุ่ม ๆ ด้วยความกล้าหาญมากที่ตัดสินใจไปลงทุนระบบขนส่งมวลชนสายแรกของประเทศไทย ซึ่งมีความเสี่ยงมากเลยทีเดียว แต่การตัดสินใจครั้งนั้นไม่มีอะไรผิดเพราะวันนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวซึ่งเป็นสายหลักของคนกรุงเทพ ให้บริการผู้โดยสารมากกว่า 3 ล้านคนต่อวัน สามารถช่วยแก้ไขปัญหาจราจรได้มาก

โดยในการพัฒนาธุรกิจของกลุ่มบีทีเอสเรามีการขยายธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจโลกหรือการแพร่ระบาดโควิดทำให้หลาย ๆ บริษัทได้รับผลกระทบรวมถึงกลุ่มบีทีเอส แต่เราก็สามารถกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ธุรกิจมีความแข็งแรง มีศักยภาพของบุคลากรและมีสภาพคล่องทางการเงินที่มั่นคง

ปัจจุบันเราดำเนินกลยุทธ์ภายใต้ 3M คือ 1.MOVE ระบบขนส่งมวลชนระบบรางในกรุงเทพได้ดำเนินโครงการไปมากถึง 140 กิโลเมตร ซึ่งประกอบด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียว รถไฟฟ้าสายสีชมพู และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และรถไฟฟ้าสายสีทอง 2.MIX การเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจการต่าง ๆ และ 3.MATCH การเป็นผู้ให้บริการ (provider) ให้กับลูกค้าและพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ

โดยในช่วง 2-3 ปีนี้กลุ่มบีทีเอสได้ใช้เงินลงทุนไปเกินกว่า 1.2 แสนล้านบาท ในการเข้าไปดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และการเข้าไปมีส่วนร่วมในเคอรี่ เอ็กซ์เพรส (Kerry Express) ใน บมจ.เจมาร์ท (JMART) และ บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) และเข้าไปซื้อบริษัทรายอื่น ๆ อีกหลายแห่ง เพื่อสร้างแพลตฟอร์มขึ้นมาสำหรับทำธุรกิจ รวมถึงยังลงทุนเมืองการบินอู่ตะเภาอีกกว่า 5 แสนล้านบาท

และล่าสุดได้ลงทุนเพิ่มเติมอีกหนึ่งธุรกิจใหม่ของกลุ่มคือ บริษัท แรบบิท ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ Rabbit Life ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะเข้าไปอยู่ในแพลตฟอร์มของเรา ซึ่งสามารถเขามาใช้ดาต้าต่าง ๆ ที่มีอยู่ในมือของกลุ่มบีทีเอสนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตได้ โดยปัจจุบันเรามีสมาชิกบัตรแรบบิทที่ออกไปแล้วเกินกว่า 15 ล้านใบ ซึ่งเป็นฐานลูกค้าที่จะทำให้ธุรกิจนี้สามารถที่จะได้ประโยชน์และแนะนำการบริการทางการเงินให้กับลูกค้าของเรา

โดยมีความมุ่งมั่นและคาดหวังว่าบริษัท แรบบิท ประกันชีวิต จะขึ้นไปเป็นท็อป 10 ของตลาดธุรกิจประกันชีวิตภายใน 3 ปี หรือภายในปี 2025

นายกรณ์ ชินสวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แรบบิท ประกันชีวิต (Rabbit Life) กล่าวว่า การพลิกโฉมบริษัทครั้งนี้เริ่มต้นตั้งแต่ในเดือน ต.ค. 2564 ที่ทางบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U บริษัทย่อยของกลุ่มบีทีเอสได้เข้าซื้อหุ้นบริษัท 75% จำนวนเงินลงทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยมีโมเดลธุรกิจ 5 แกนหลักคือ 1.ประกันควบการลงทุน (Wealth) 2.ประกันสุขภาพ (Heealth) 3.ประกันชีวิต (Protection) 4.ประกันสะสมทรัพย์ (Saving) 5.สิทธิประโยชน์ (Reward)

ซึ่งจะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์และแพ็กเกจที่จัดไว้ให้บริการลูกค้าในความต้องการแต่ละประเภท โดยตั้งเป้าเบี้ยประกันชีวิตรับรวมสิ้นปี 2565 จะขึ้นไปแตะ 2,000 ล้านบาท เติบโต 66% จากปีก่อนที่มีเบี้ยรับรวม 1,200 ล้านบาท โดยผ่านมาแล้วครึ่งปีแรกมีเบี้ยรับรวมเข้ามา 800 ล้านบาท มีตัวแทนขายจำนวน 350 คน คาดภายในสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 500 คน โดยคาดหวังภายในปี 2025 จะมีเบี้ยรับรวมแตะระดับ 10,000 ล้านบาท ขึ้นไปเป็นท็อป 10 ของตลาดธุรกิจประกันชีวิต โดยต้องมีส่วนแบ่งการตลาด มากกว่า 1% มีเบี้ยใหม่ราว 6,000-7,000 ล้านบาท

“เรามีตัวช่วยที่จะลดทอนอุปสรรคต่าง ๆ จากที่การที่เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวบีทีเอสที่พร้อมผลักดันและสนับสนุนในทุกด้าน ทั้งฐานข้อมูลลูกค้า และการทำงานร่วมกัน (synergy) ระหว่างบริษัทในเครือต่าง ๆ ในการสร้างช่องทางขายใหม่ หรือการโฆษณา

นอกจากนี้ยังมีแรบบิทดิจิทัลแพลตฟอร์มออนไลน์ อาทิ Rabbit Care ที่เป็นออนไลน์โบรกเกอร์ประกัน Rabbit Cash ผู้ให้บริการสินเชื่อลูกค้าหรือตัวแทนร้องขอ และเครือข่ายสื่ออย่างวีจีไอและแพลนบี พร้อมกับการขยายช่องทางตัวแทนประกันชีวิตอีกด้วย” นายกรณ์กล่าว