ผบ.ตร. เอ่ยขอโทษผู้เสียหาย กรณีสาวไต้หวันถูกรีดเงิน ยันไม่ถึงขั้นย้าย ผบช.น.

พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์
แฟ้มภาพ

ท่ามกลางกระแสถาโถมภาพลักษณ์ตำรวจ จากหลายเหตุการณ์จนถึงกรณีสาวไต้หวันถูกรีดเงิน ผบ.ตร.เอ่ยขอโทษผู้ได้รับความเสียหายแล้ว ส่วน บช.น.ส่งทีมไปต่างประเทศสอบปากคำสาวไต้หวันและแฟนหนุ่มชาวสิงคโปร์

วันที่ 31 มกราคม 2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงกรณีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันถูกตำรวจเรียกรับเงิน 27,000 บาท แลกกับการปล่อยจากด่านตรวจ พื้นที่สน.ห้วยขวาง ว่าขณะนี้รอรับฟังผลการสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลอยู่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนทุกอย่าง และเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2566 ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลมีคำสั่งให้ ผกก.สน.ห้วยขวาง มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งให้สอบสวนพยานต่าง ๆ ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนของ บช.น.ก็ทำงานอยู่

“เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีความบกพร่องอะไรไป ในฐานะหัวหน้าหน่วย ก็ต้องขอโทษผู้ที่ได้รับความเสียหายในเรื่องนี้ กับเรื่องที่เกิดขึ้น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวและว่า การสอบสวนกรณีนี้จะทำตรงไปตรงมา ตามพยานหลักฐานใครผิดก็ว่าไปตามผิด ทั้งอาญาและวินัย

สำหรับทางการปกครองเราก็จะดูว่าใครบกพร่องอะไรบ้าง การตั้งด่านในวันนั้นมีคนจำนวนมาก จะดูให้เกิดความชัดเจนในทุก ๆ คน ให้เกิดความเป็นธรรมว่า ใครผิด ใครบกพร่องอะไรบ้าง ขอเวลาอีกสักระยะ เพื่อให้เกิดความแน่ชัดทุกอย่างให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ยืนยันว่าจะทำอย่างตรงไปตรงมาแน่นอน คนผิดก็ต้องถูกลงโทษ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวต่อว่า เรื่องตัวพยาน ทางตำรวจอยู่ระหว่างการประสานงานและยินดีจะให้มาสอบสวน ถ้าเขาไม่มาเพราะเกรงกลัวเรื่องความปลอดภัย ตำรวจก็จะเดินทางไปสอบสวนเพื่อให้รู้ความจริงทุกอย่างให้ได้ เพื่อให้ปรากฎให้ชัดเจนว่าใครผิดบ้าง ใครบกพร่องบ้าง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการแต่ขอเวลาสักระยะหนึ่ง โดยได้เข้ามาควบคุมกำกับดูแลด้วยตนเอง

ส่วนเรื่องของวินัยจะต้องดูว่าใครผิดบ้างมีความบกพร่อง ส่วนเรื่องอาญาก็เป็นอีกส่วนหนึ่งใครผิดบ้าง วินัยกับอาญา อาจไม่เท่ากัน เช่น อาญาจะโดนกี่คนที่เกี่ยวข้องจริง ๆ ส่วนวินัยคือความบกพร่องในการควบคุมดูแลตามสายงานต่าง ๆ จะต้องมีความรับผิดชอบด้วย

เมื่อถามถึงประเด็นการไม่ดำเนินคดีเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า จะเข้าข่ายความผิดกับชุดจับกุมวันนั้นหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ทาง ผบช.น.พูดตอบประเด็นนี้ไปบ้างแล้ว ขอให้รอความชัดเจนไปในทิศทางเดียวกัน และรอผลจากคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมา ขณะนี้ได้มีการดำเนินคดีทางอาญาไปแล้ว และมีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย

เมื่อถามถึงประเด็นการย้าย ผกก.สน.ห้วยขวาง สะท้อนอะไรหรือไม่ในเรื่องข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ส่วนหนึ่งแสดงว่ามีความบกพร่องเกิดขึ้น จึงได้มีคำสั่งให้มาช่วยราชการที่ ศปก.ก่อน หาก ผกก.ควบคุมไม่ดีแล้ว รอง ผกก.ป และ สวป. ก็จะต้องโดนด้วย

เมื่อถามว่ากรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กดดันให้ย้าย ผบช.น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ต้องว่าตามตามข้อเท็จจริง เพราะเรื่องการกระทำความผิดในกรณีการตั้งจุดตรวจคงจะเป็นระดับข้างล่าง แต่เมื่อคดีนี้เป็นคดีที่เกี่ยวพันกับเรื่องหลาย ๆ เรื่อง และเป็นเรื่องที่ได้มีการกำชับไว้แล้วในเรื่องการตั้งด่านตรวจหรือจุดตรวจ ต้องมีมาตรฐาน หัวหน้าสถานีก็หนีไม่พ้นความรับผิดชอบ จึงต้องเอาถึงหัวหน้าสถานี แต่ถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาลหรือไม่ มองว่าคงไม่ถึงขนาดนั้นต้องให้ความเป็นธรรมท่านด้วย

“ผมได้ให้นโยบายไปหมดแล้วว่า แม้กระทั่งพยานหรือผู้เสียหายต่าง ๆ หากอยู่ต่างประเทศแต่เนื่องจากเป็นเรื่องที่น่าสนใจเราก็ต้องเดินทางไป ซึ่งได้มุ่งไปที่พยาน หรือคนที่มีการจ่ายเงินก่อนที่ทราบว่าอยู่ที่สิงคโปร์ โดยผมได้ให้นโยบายว่า ต้องพยายามรีบหาความจริงให้ปรากฏให้เร็วที่สุด”

เมื่อถามถึงภาพลักษณ์ของตำรวจค่อนข้างจะมีภาพลบ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า เป็นโรคใหม่ โรคของยุคโซเชียลที่มีกล้องจำนวนมาก การกระทำความผิดมันก็ปกปิดได้ยาก จริง ๆ มันอาจจะมีมาแต่ไม่มีใครพบเห็น เราก็ต้องแก้กันไป เพื่อว่าในอนาคตมันจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เชื่อมั่นว่าต้องดีขึ้นแน่นอน เพียงแต่อยากให้เห็นว่าตำรวจที่ดี ๆ ก็ยังมีที่เสี่ยงอันตรายช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในการจับกุมคนร้าย

ทราบดีว่าประชาชนต้องคาดหวังผู้บังคับใช้กฎหมายสูงอยู่แล้วเราจะต้องทำให้ดีที่สุด ตอนนี้ได้เตรียมการวางระบบเพิ่มเติมในการตั้งจุดตรวจให้มีมาตรฐานโปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งจะนำเรื่องนี้มาดูให้เกิดความรอบคอบในอนาคตต่อไป

“เราต้องพยายามใช้กล้องในการทำงานให้ได้เร็วที่สุด เพราะว่าตอนนี้เรามีกล้องอยู่จำนวนหนึ่งแล้ว กล้องอาจจะไม่ครบแต่เราได้ของบประมาณเพิ่มเติมแล้ว เพื่อให้ซื้อกล้องในการทำงานให้ครบ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสมากขึ้น จะได้ไม่มีรอยโหว่ในการทำงาน อยากให้ความเชื่อมั่นว่าในเรื่องต่าง ๆ เราในฐานะผู้รักษากฎหมาย ถ้าเกิดตำรวจผู้รักษากฎหมายทำผิด ก็ต้องลงโทษอย่างจริงจัง และก็ตำรวจดี ๆ ยังมีอีกเยอะ”

ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า ช่วงนี้เป็นช่วงการแต่งตั้งโยกย้าย หลังจากเข้าไปรับตำแหน่งใหม่แล้ว ก็คงจะมีการประชุมและกำชับอีกที มีมาตรการเข้มข้นขึ้น ควบคุมกำกับดูแลการปฎิบัติหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชา เอาให้จริงจังเราต้องโปร่งใสมากขึ้น

วันเดียวกัน มีรายงานว่า คณะกรรมการตรวจสอบการเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายปราบปราม สน.ห้วยขวาง ได้สรุปแจ้งดำเนินคดี ม.157 ตำรวจที่ตั้งด่านหน้าสถานทูตจีนทั้ง 7 นาย เนื่องจากพบพยานหลักฐานและกล้องวงจรปิดแน่ชัดว่า ไม่ดำเนินคดีกลุ่มนักท่องเที่ยวในความผิดครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ทั้ง ๆ ที่มีการถ่ายรูปบุหรี่ไฟฟ้าเอาไว้ด้วย

ส่วนการตั้งคณะการการตรวจสอบเอาผิดคดีเรียกรับเงิน ม.149 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้บก.สส.บช.น. ส่งชุดสืบสวนบินข้ามประเทศไปสอบปากคำพยานสำคัญ 2 ปาก ได้แก่ เพื่อนชายชาวสิงคโปร์ของดาราสาวชาวไต้หวันที่มีข้อมูลว่า เป็นผู้จ่ายเงิน 27,000 บาท ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ที่ตั้งด่านตรวจหน้าสถานทูตจีน

และชุดสืบสวนอีกทีมบินไปประสานงานกับทางการไต้หวันเพื่อสอบปากคำนักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวันที่โพสต์ลงในโลกออนไลน์แฉถูกตำรวจไทยรีดเงินจนตกเป็นข่าวฉาวดังครึกโครม ชุดสืบสวนทั้ง 2 ชุด เตรียมเดินทางไปสอบปากคำและขอข้อมูลพยานทั้ง 2 ราย วันที่ 1 ก.พ.นี้ เพื่อรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานดำเนินคดีในความผิด ม.149