ทำความรู้จักบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.

“บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล

เปิดประวัติ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แคนดิเดต ผบ.ตร.คนใหม่ โดนบุกค้นบ้าน พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ (ผบ.ตร.) คนปัจจุบัน จ่อตั้งกรรมการสอบ

วันที่ 25 กันยายน 2566 เมื่อเวลา 08.00 น. กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและคอมมานโด เข้าทำการตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ภายในหมู่บ้าน ซอยวิภาวดี 60 หลังสโมสรตำรวจ หลังพบมีส่วนเกี่ยวข้อง พ.ร.บ.การพนัน เนื่องจากพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงว่ามีการส่วนเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์

เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบเครือข่ายร่วมกับตำรวจ พลเรือนกว่า 10 คน ในจำนวนนี้มีตำรวจระดับสัญญาบัตรประมาณ 5-6 คน

ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อยู่ในบ้านพัก ปฏิเสธการเข้าตรวจค้น โดยอ้างว่าเป็นรอง ผบ.ตร. และกำลังรอให้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ร่วมเข้าเจรจาขอตรวจค้น

ตำรวจไซเบอร์ ค้นบ้าน บิ๊กโจ๊ก
ภาพจาก – ข่าวสด

ประวัติ

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล เกิดเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2513 จังหวัดสงขลา เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 31 โรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 47 เป็นประธาน นรต. 47

มีชื่อเสียงโด่งดังสมัยเป็น ผกก.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในสมัยที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็น ผบช.ภาค 9 เมื่อปี 2551 ก่อนขึ้นเป็นรอง ผบก. และขึ้นเป็นรอง ผบก.ภ.จว.สงขลา และยังเป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธร จ.สงขลา ส่วนหน้า ดูแลพื้นที่ อ.จะนะ นาทวี สะบ้าย้อย และเทพา จ.สงขลา 4 อำเภอ พื้นที่ไฟใต้ จนได้รับนับอายุราชการทวีคูณ

ต่อมาวันที่ 23 กรกฎาคม 2558 ดำรงตำแหน่ง ผบก.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ทำหน้าที่ประสานนายกรัฐมนตรี ในสมัยที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็น ผบ.ตร. ปีเดียวกันขึ้นเป็น ผบก.ท่องเที่ยว

ปี 2559 ย้ายมาเป็น ผบก.สปพ. ถัดมาเพียงปีเดียวได้รับแต่งตั้งเป็นรอง ผบช.น. ก่อนโยกมาเป็นรอง ผบช.ท่องเที่ยว แล้วขึ้นเป็น ผบช.สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ถือเป็นผู้บัญชาการที่อายุน้อยที่สุดในวงการสีกากี คือ 48 ปี

นอกจากนี้ ยังเป็นคณะทำงานศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ มีอำนาจจับกุมทั่วประเทศ ซึ่งช่วงนี้คดีที่ “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” แถลงจับกุมถือว่ามากเป็นประวัติการณ์

“พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” กลายเป็นนายตำรวจหนุ่มเนื้อหอมและถูกกล่าวถึงมากที่สุด เพราะในวงการรู้ดีว่าเป็นผู้ใกล้ชิด “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” และบทบาทหน้าที่ค่อนข้างโดดเด่น

แต่เส้นทางบนถนนสีกากีต้องสะดุด เมื่อได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาคาร 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อ 6 เม.ย. 2562 โดยให้ขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยถึงสาเหตุถูกย้ายฟ้าผ่า เพราะหลังจากนั้นก็ไม่มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนความผิดใด ๆ

กระทั่งวันที่ 9 เม.ย. 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีคำสั่งให้ “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” ขาดจากตำแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิม ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และให้โอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

จากนั้น “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” ได้หายหน้าหายตาไม่ปรากฏเป็นข่าวอีกเลย จนกระทั่ง ฉากกระสุน สาดใส่รถยนต์หรู “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” จุดประเด็นความไม่ชอบมาพากล ในโครงการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องตรวจสอบและพิสูจน์อัตลักษณ์ (ไบโอเมตริก) และโครงการจัดซื้อจัดจ้างรถตรวจการณ์ไฟฟ้า ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ให้กลับมาดังกระหึ่มอีกครั้ง

นำไปสู่เกาเหลาชามโต กับ “บิ๊กแป๊ะ-พล.ต.อ.จักรทิพย์” ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับส่ายศีรษะ-ถอนหายใจ “เป็นปัญหาที่เขาจัดการกันเองได้”

24 ม.ค. 2563 พล.อ.ประยุทธ์ออกคำสั่งนายกรัฐมนตรี ให้ “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” ขาดจากการเป็นข้าราชการตำรวจ และให้โอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในกรอบอัตรากำลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษในสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งออกคำสั่งให้รักษาจรรยาบรรณ ไม่ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ข้ามหัวผู้บังคับบัญชา

28 ม.ค. 2563 “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” ได้ลาอุปสมบท เพื่อทดแทนบุญคุณบิดา มารดา ที่วัดไทยในพุทธคยา ประเทศอินเดีย ก่อนที่จะกลับมารับตำแหน่งที่สำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ได้รับมอบหมายให้เป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำ สบน. โดยรับผิดชอบข้อเสนอแนะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการร้องทุกข์จากประชาชน

22 ก.ย. 2563 “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” ได้มอบหมายให้นายสิทธิ งามลำยวง ทนายความส่วนตัว นำเอกสารคำร้องเข้ายื่นฟ้อง “พล.อ.ประยุทธ์” ต่อศาลปกครอง กรณีออกคำสั่งย้ายโอนไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ 2 วันถัดมา ศาลได้ตัดสินไม่รับคำฟ้อง และได้ตีตกไป

บิ๊กโจ๊ก

25 ก.พ. 2564 ชื่อ “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” กลับมาปรากฏเป็นข่าวอีกครั้ง ขณะได้เดินทางเข้าพบ “พล.อ.ประวิตร” ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” ได้พูดคุยโทรศัพท์กับเสียงปลายสายว่า “มารอพบท่านรองประวิตร””

ผบ.ตร.จ่อตั้งคณะกรรมการสอบปมบุกบ้านบิ๊กโจ๊ก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2566 ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธาน ถึงความคืบหน้ากรณีกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) ที่มี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ หัวหน้าชุดศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและคอมมานโด พร้อมหมายค้นเข้าทำการตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.

พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ เป็นเพียงการรายงานสถานการณ์เบื้องต้นเท่านั้น ส่วนการตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบได้ทราบเบื้องต้นแล้วอยู่ระหว่างรอรายงานนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะออกคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ต้องรอดูพนักงานสอบสวนของตำรวจนครบาลก่อนจะรายงานอย่างไร ต้องการให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนในระดับ ตร.หรือไม่ หากเสนอขึ้นมาตนก็จะรีบพิจารณา

เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้งจะดำเนินการอย่างไร พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

“เรื่องนี้สืบเนื่องจากมีการขยายผลมาจากชุด PCT เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว และมีการขอหมายจับที่ศาล 23 หมาย แบ่งออกเป็นตำรวจ 8 หมาย พลเรือน 15 หมาย วันนี้เป็นการตรวจค้น จับกุมตามหมายจับ พอได้รายละเอียดครบทุกจุดแล้ว จะให้คนที่รู้รายละเอียดทั้งหมดแถลงอีกที” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าว

เมื่อถามว่า เกี่ยวโยงกับกลุ่มสารวัตรซัวและเครือข่ายเมฆรามาหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า “ยังไม่ได้ยิน ในเรื่องของมินนี่ ๆ แต่ยังไม่ได้ดู (คลิปงานเลี้ยง) เมื่อเช้าประชุมอยู่กับท่านนายกฯ”

เมื่อถามว่า ในการปฏิบัติงานหรือส่วนตัวถือว่าผิดหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ยังนะ ต้องให้ความเป็นธรรมนะ เรื่องนี้ต้องมีการสอบสวน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ คงต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนทุกเรื่อง ถึงแค่ไหน แค่นั้นก่อน ตามข้อมูลของฝ่ายสืบสวนสอบสวน

เมื่อถามว่า เกี่ยวกับการเลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ในวันที่ 27 กันยายนนี้หรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า “ส่วนตัวผมคิดว่า ไม่เกี่ยว เพราะเป็นการทำงานจากการขยายผล และเรื่องนี้ก็ยังไม่เกี่ยวกับท่านรองโจ๊ก (พล.ต.อ.สุรเชษฐ์) อาจจะเป็นลูกน้องของท่าน ต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย”

เมื่อถามว่า ไม่ใช่เป็นความขัดแย้งขององค์กรระหว่างสองนายตำรวจใหญ่ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า “ผมเชื่อว่า ไม่ใช่ เป็นเรื่องของหลักฐาน เป็นของใครเท่านั้นเอง มันมีคดีตั้งต้นอยู่ ก็ไปสอบสวน ขยายผลไป”

เมื่อถามว่า มีการมองว่าเป็นการขัดแข้งขัดขากันหรือไม่ ถึงเล่นกันแรง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน อย่างเช่น คดีการเสียชีวิตของผู้กำกับเบิ้ม (พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผู้กำกับการ 2 กองกำกับการตำรวจทางหลวง) ตอนแรกก็มีข่าวว่าเป็นการฆาตกรรม ก็ไม่ใช่เป็นการฆ่าตัวตาย เป็นข่าวลือกันไปกันมา ทุกอย่างเป็นไปตามข้อเท็จจริง ถึงใครก็ต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งข้อเท็จจริงวันนี้ไปค้นหลายจุดมาก ผมก็จะขอสรุปในช่วงบ่าย

เมื่อถามว่า ข้อมูลเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ 8 นายที่ถูกออกหมายจับมีมูลค่าสูงขนาดไหน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานชัดเจน

ส่วนคำถามว่า หากเส้นทางการเงินโยงไปถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ต้องถูกตรวจสอบด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ข้อเท็จจริงถึงขนาดนั้น ขอให้ได้รับการรายงานชัดเจนก่อน

ต่อถามว่า การบุกเข้าไปตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในฐานะ ผบ.ตร.ทราบล่วงหน้าก่อนหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า

“ได้รับรายงานมาเมื่อเช้า และบ้านนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นบ้านใคร เพียงแต่ว่าต้องการไปจับบุคคลตามหมายจับ บ้านใครผมยังไม่ทราบเลย”

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าเพิ่งทราบเมื่อเช้านี้ขณะปฏิบัติการใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า เขาได้รับรายงานมาเมื่อเช้าว่า มีการเข้าไป

เมื่อถามว่า เหตุใดถึงไม่ทราบปฏิบัติการในครั้งนี้ล่วงหน้า หรือว่ามีใครใหญ่กว่า ผบ.ตร. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า “ไม่เกี่ยว มันเป็นไปตามหน้างานของเขา เขาก็มีหนังสือขอออกหมาย ต้องไปถามข้อเท็จจริงกับท่านหัวหน้าชุด ซึ่งผมยังไม่ได้คุยกัน”

บิ๊กโจ๊กมีโอกาสได้ดูแลคดีดัง ๆ มากมาย ทั้งคดีเว็บพนันใหญ่ ๆ ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และล่าสุดเข้ามาทำคดีกำนันนก ที่เกี่ยวโยงกับหลายขบวนการ ก่อนมีข่าวใหญ่ถูกค้นบ้านเมื่อเช้าวันนี้ (25 ก.ย.)