“อาศิส พิทักษ์คุมพล” จุฬาราชมนตรี ถึงแก่อนิจกรรม

อาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี
อาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี

สำนักจุฬาราชมนตรีออกประกาศ  “อาศิส พิทักษ์คุมพล” จุฬาราชมนตรี ถึงแก่อนิจกรรม ที่รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เตรียมจัดพิธีละหมาดญะนาชะห์ในวันที่ 23 ตุลาคม 2566 ณ มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา ขณะที่นายกฯเศรษฐาเผยแพร่คำไว้อาลัย ในนามของรัฐบาลและชาวไทยทุกคน 

จากกรณีที่สำนักจุฬาราชมนตรี ออกแถลงการณ์แถลงการณ์สำนักจุฬาราชมนตรี เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2566 เรื่องจุฬาราชมนตรีเข้ารับการรักษาที่รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ฉบับที่ 1 ความว่า

ตามที่นาย อาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ได้เข้ารับการรักษาอาการป่วยเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยนั้น สำนักจุฬาราชมนตรี ขอแจ้งว่า ขณะนี้ จุฬาราชมนตรี อยู่ในการดูแลของคณะแพทย์อย่างใกล้ชิด

ขอให้พี่น้องมุสลิมร่วมกันขอดุอาอ์ (ขอพร) ให้อาการป่วยของท่าน ได้ทุเลาลง หากมีความคืบหน้าประการใดจะแจ้งให้ทราบในลำดับต่อไป

จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2566 สำนักจุฬาราชมนตรีได้ออกประกาศสำนักจุฬาราชมนตรี เรื่องการถึงแก่อนิจกรรมของจุฬาราชมนตรี เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. วันนี้ ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยจะมีการจัดพิธีละหมาดญะนาชะห์(ละหมาดขอพร) ในวันที่ 23 ตุลาคม 2566 ณ มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

ประกาศสำนักจุฬาราชมนตรี

วันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยแพร่คำไว้ต่อการถึงแก่อนิจกรรมของ นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี พุทธศักราช 2566 มีใจความดังนี้

ในนามรัฐบาลและชาวไทยทุกคน ขอแสดงความเสียใจในการถึงแก่อนิจกรรมของนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรีคนที่ 18 ของประเทศไทย ตลอดระยะเวลาที่ท่านดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรีได้สร้างคุณูปการด้านศาสนาอิสลามไว้บนแผ่นดินไทยนานัปการ

ท่านส่งเสริมการสร้างความสมานฉันท์เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคมพหุวัฒนธรรม ผ่านโครงการต่างๆ เช่น จัดตั้งสถาบันวะสะฏียะฮ์ เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติตามหลักศาสนิกชนของศาสนาอิสลามแห่งสายกลาง ส่งเสริมการสร้างความเข้าใจระหว่างผู้นับถือต่างศาสนาอย่างเป็นรูปธรรม จัดตั้งสภาเครือข่ายด้านมนุษยธรรมเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อเพื่อนมนุษย์ โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา ส่งเสริมชมรมผู้นำศาสนาอิสลามรุ่นใหม่ เพื่อให้เข้าใจหลักคำสอนทางศาสนา สังคม วัฒนธรรม และการอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีความเชื่อหลากหลาย

ตลอดจนโครงการอื่นๆ อีกมากมายที่ฝากให้ชาวไทยมุสลิมรุ่นต่อไปได้สานต่อ โดยล้วนเป็นประโยชน์แก่การดำเนินงานตามนโยบายด้านศาสนาและสันติสุขแห่งสังคมไทย รวมถึงแนวทางการดำรงชีวิตของท่านจะเป็นแบบอย่างแก่พี่น้องชาวไทยมุสลิมตลอดไป

ในวาระที่ท่านได้กลับไปสู่ความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า ขอให้องค์อัลลอฮ์ทรงตอบรับความดีงามที่ท่านได้ประกอบไว้ขณะที่ท่านดำรงชีวิตอยู่ และขอได้โปรดรับดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ของท่านให้พำนักอยู่ในสรวงสวรรค์ด้วยเถิด