
กรมอุตุนิยมวิทยาเผยพายุดีเปรสชันได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็น พายุโซนร้อน “หวู่ติบ- WUTIP” แล้ว คาดเคลื่อนตัวผ่านเกาะไหหลำเข้าจีนตอนใต้ 13-16 มิ.ย.นี้ ชี้พายุไม่เข้าไทย แต่ทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลภาคอีสานมีฝนเพิ่ม-ตกหนักถึงหนักมาก 11 – 13 มิ.ย.นี้ มีฝนฟ้าคะนอง 70 – 80% ของพื้นที่ ขณะที่อ่าวไทย-อันดามันคลื่นลมแรง
นางสาวสุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 07.00 น. ของวันนี้ (11 มิ.ย. 68) พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “หวู่ติบ” แล้ว และเมื่อเวลา 10.00 น. มีศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะไหหลำ ประมาณ 380 กิโลเมตร หรือที่ละติจูด 16.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 113.2 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าในช่วงวันที่ 13-16 มิ.ย. 68 จะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำเข้าประเทศจีนตอนใต้ หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงตามลำดับ ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในช่วงวันดังกล่าวไว้ด้วย
โดยศูนย์กลางของพายุลูกนี้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย แต่อาจทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง และคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง
ทั้งนี้ หากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง กรมอุตุนิยมวิทยาจะมีการแจ้งเตือนทันที จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับชื่อของพายุ “หวู่ติบ- WUTIP” หมายถึงผีเสื้อแห่งมาเก๊า
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 11 – 13 มิ.ย. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม และเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ตลอดช่วง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่ง ในช่วงวันที่ 11 – 13 มิ.ย.

คาดหมายอากาศรายภาค
วันที่ 11 – 17 มิ.ย. 2568
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 11 – 15 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 – 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
ส่วนในช่วงวันที่ 16 – 17 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 – 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23 – 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 – 37 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 5 – 15 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 11 – 13 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 – 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งลมแปรปรวน ความเร็ว 10 – 20 กม./ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 14 – 17 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 – 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 – 20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22 – 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 – 36 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 11 – 13 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 – 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
ส่วนในช่วงวันที่ 14 – 17 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 – 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23 – 28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 – 37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 – 20 กม./ชม.
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 11 – 13 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 – 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20 – 40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2 – 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 14 – 17 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 – 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20 – 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24 – 28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 – 36 องศาเซลเซียส

ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 – 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนบนของภาค
ในช่วงวันที่ 11 – 13 มิ.ย. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 – 35 กม./ชม. ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 14 – 17 มิ.ย.
ตั้งแต่จังหวัด สุราษฏร์ธานี ขึ้นมา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 – 35 กม./ชม. ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ตั้งแต่จังหวัด นครศรีธรรมราช ลงมา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 – 30 กม./ชม. ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23 – 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 – 36 องศาเซลเซียส
ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 – 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตลอดช่วง
ในช่วงวันที่ 11 – 13 มิ.ย. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20 – 40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2 – 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 14 – 17 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 – 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนบนของภาค ตั้งแต่จังหวัดพังงา ขึ้นมา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20 – 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ตั้งแต่จังหวัด ภูเก็ต ลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 – 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
อุณหภูมิต่ำสุด 23 – 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 – 33 องศาเซลเซียส
กรุงเทพและปริมณฑล
ในช่วงวันที่ 11 – 13 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 – 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
ส่วนในช่วงวันที่ 14 – 17 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 – 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25 – 28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 – 36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 – 20 กม./ชม.


(ออกประกาศ 11 มิถุนายน 2568 12:00 น.)