“เจ้าหน้าที่ทูต” ขอกักตัวคอนโดหรูย่านสุขุมวิท นิติฯ ไม่ยอมให้เข้าพัก

ทูตเอสโทเนีย
ภาพ : มติชนออนไลน์

เจ้าหน้าที่ทูต ชาวเอสโตเนีย ขอกลับเข้าพักคอนโดย่านสุขุมวิท หลังเดินทางกลับจากเยอรมนี ด้าน นิติฯ ไม่ยอมให้เข้าพัก-ชี้ต้องกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดไว้ให้

มติชนรายงานว่า ช่วงค่ำวานนี้ (16 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ จึงได้เข้าตรวจสอบเหตุที่คอนโดแห่งหนึ่งในซอยสุขุมวิท 20 ในพื้นที่เขตคลองเตย กรุงเทพฯ หลังได้รับแจ้งจากนิติบุคคลว่ามีเจ้าหน้าที่ทูตชาวเอสโตเนีย ต้องการเข้าพักที่คอนโดดังแห่งนี้ ซึ่งได้เช่าอยู่กับครอบครัวในนามส่วนตัวไว้อยู่แล้ว หลังเดินทางกลับจากเยอรมนี แต่นิติฯ ไม่อนุญาต โดยให้เหตุผลว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเดินทางเข้าประเทศโดยยังไม่ผ่านการกักตัวตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ของรัฐบาลไทย

จากการสอบถามพบว่า เจ้าหน้าที่ที่ต้องการกลับเข้าพักนั้นเพิ่งเดินทางจากประเทศเยอรมนีในฐานะนักการทูต ถึงประเทศไทยเมื่อเวลา 14.00 น. ของวันที่ 16 กรกฎาคม โดยมีเจ้าหน้าที่ของกองการต่างประเทศที่เป็นคนไทยไปรับที่สนามบิน ต่อมาได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 เบื้องต้นผลเป็นลบ เจ้าหน้าที่จึงอนุญาตให้เดินทางผ่านแดนเพื่อกักตัวในสถานที่ที่สถานทูตกำหนดไว้สำหรับการกักตัวเฝ้าระวังผู้ป่วยอาจติดเชื้อโควิด-19

ต่อมา เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้เดินทางมายังคอนโดแห่งนี้เพื่อเข้าพักอาศัย ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่นิติบุคคลของคอนโดดังกล่าวไม่ยอมให้พักอาศัย เนื่องจากยังไม่ได้กักตัวตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ของรัฐบาล ซึ่งคอนโดดังกล่าวเป็น สถานที่เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเช่าพักอาศัยกับครอบครัวในนามส่วนตัว ไม่ได้เป็นที่พักของสถานทูต

กระทั่งเวลา 22.00 น. หลังเจรจากันระหว่างเจ้าหน้าที่ทูต นิติบุคคลคอนโด และกระทรวงการต่างประเทศ จึงได้ข้อตกลงว่า เจ้าหน้าที่ทูตคนดังกล่าวจะเข้าพักในสถานที่กักกันโรคตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ของรัฐบาลไทย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้จัดหาที่พักไว้ให้

ขณะที่ในวันนี้ (17 ก.ค.) เวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) โดยมีบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพร้อมเพรียงตามรายงานของข่าวสด

ที่ประชุมได้ประเมินสถานการณ์และทบทวนมาตรการ เกี่ยวกับการสื่อสารและให้ข้อมูลกับประชาชนเพื่อป้องกันการตื่นตระหนก หลังเกิดกรณีดังกล่าว โดยขอให้สถานทูตประสานกับ ศบค. เพื่อหาสถานที่ที่เหมาะสม โดยใช้เวลานานกว่าเหตุการณ์จะคลี่คลาย

ล่าสุด ดร.วีระชัย เตชะวิจิตร์ กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์เอสโตเนียประจำกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก Virachai Techavijit ระบุว่าชี้แจงเรื่องข่าวบิดเบือนที่ว่านักการทูตเอสโตเนียเข้าเมืองไทยในฐานะนักการทูตเอสโตเนีย

ดร.วีระชัย ระบุว่า บุคคลรายดังกล่าว เป็นนักการทูตของสหภาพยุโรป หรือ (European Union – EU) ประจำประเทศไทย จึงถือว่าอยู่ในความรับผิดชอบของ EU ดังนั้น EU จึงต้องปฎิบัติตามกฎระเบียบของ ศบค. อย่างเคร่งครัด ทั้งประเทศเอสโตเนียและสถานกงสุลใหญ่ไม่ทราบการเข้าออกประเทศไทย และจะเข้าไปก้าวก่ายการปฎิบัติราชการของ EU ไม่ได้

คาดว่าวันนี้ทาง EU หรือกระทรวงต่างประเทศ หรือ โฆษกของ ศบค. คงจะได้แถลงข้อเท็จจริงของความสับสนนี้ให้ทราบต่อไป