หมอทวีศิลป์ เปิดลึกสุดใจ บุญน้อย ทำตามนายสั่ง ไม่เคยหวังการเมือง

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.

“หมอทวีศิลป์” เปิดใจ หลังโดนจวกหนัก ปมแอป “หมอชนะ” บอกเจ็บปวดหัวใจเหมือนกันที่เห็นในโซเชียลมีเดียออกมาในเชิงลบมากมาย กระทบทั้งส่วนตัวและครอบครัว มีคนไปขุดคุ้ยมากมาย พร้อมขอโทษ-ขออภัย ยันเป็นข้าราชการ นายสั่งต้องทำให้ดีที่สุด พร้อมน้อมนำพระราชดำรัสสมเด็จพระสังฆราชมาให้กำลังใจ 

เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2564 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดใจภายภายหลังแถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดประจำวัน กรณีเมื่อวานนี้(7 ม.ค.) ที่มีการสื่อสารในลักษณะทำนองว่า ถ้าประชาชนที่ติดโควิดแล้วไม่ติดตั้งแอป “หมอชนะ” ในโทรศัพท์มือถือจะมีความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีทั้งโทษปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท และจำคุกไม่เกิน 2 ปี

จนเกิดความไม่พอใจกับประชาชนโดยทั่วไป

กระทั่งในช่วงเย็นวันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ต้องออกมาเบรกข่าวดังกล่าว และชี้แจงต่อกรณีดังกล่าว ว่าไม่มีความผิด

ขณะที่กระแสข่าวในเชิงลบก็ยังมีเข้ามาถึงตัวของหมอทวีศิลป์อย่างต่อเนื่อง

ขออภัย-ขอโทษในการสื่อสาร

“ผมต้องขออภัย ขอประทานโทษในการสื่อสาร ในหลายๆเรื่อง ในชุดข้อมูลการสื่อสาร โดยเฉพาะเรื่องของหมอชนะ เป็นเรื่องที่เราต้องการความร่วมมือจากประชาชนมากๆ เป็นเรื่องที่เราต้องการที่จะให้ใช้แอปฯนี้ในการปกป้อง คนไทยและสังคมไทยทั้งหมด รวมถึงคนที่อยู่ในประเทศไทย ทั้งแรงงานต่างๆ”

นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวว่า ณ วันที่ 8 มกราคม 2564 แอปฯ”หมอชนะ” มียอดดาวน์โหลดวันเดียวเพิ่มขึ้นมา 2 ล้านครั้ง จากเดิมวันที่ 5 ม.ค จำนวน 1.5 ล้านครั้ง วันที่ 6 จำนวน 1.65 ล้านครั้ง วันที่ 7 จำนวน 3.69 ล้านครั้ง

“แต่พอเมื่อวานวันเดียวเพิ่มขึ้นไปกว่า 2 ล้านครั้ง ลืมความเสียใจ ลืมความไม่สบายใจไปเลย ขอบพระคุณพี่น้องทุกท่านที่เข้าใจ และปฏิบัติตามในสถานการณ์วิกฤตอย่างนี้” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว

นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวว่า ต้องขอความเห็นใจ ขอความเข้าใจ ผมอยู่ตรงนี้ในภาคของศบค.จะพยายามสื่อสาร เข้มเกินไปก็ไม่ดี อ่อนเกินไปก็ไม่ได้ ใจจริงอยากจะเชิญชวนทุกท่านเข้ามาโดยที่ไม่ต้องบังคับ แต่เมื่อวานนี้พอสื่อสารออกไปก็รู้สึกว่าไม่ค่อยสบายใจ เจ็บปวดหัวใจเหมือนกันที่เห็นในโซเชี่ยลมีเดียก็ออกมาในเชิงลบมากมาย

สำหรับหมอชนะ ทำไมเราถึงอยากให้ใช้ เพราะจะได้ทราบว่าได้เคยเข้าไปพื้นที่เสี่ยงหรือไม่ หรือทราบว่าเคยอยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือไม่ เพื่อที่จะได้ประเมินความเสี่ยงของตัวเอง รู้ตัว หรือเพิ่มความตระหนัก ระวังตัว ช่วยหมอ ลดเวลาทำงาน ไม่โหลด ไม่ผิด แต่ต้องเสียเวลาและยุ่งยาก

สิ่งที่ผมอยากจะทิ้งท้ายคือการพิจารณาตัวเอง ในฐานะที่มาเป็นโฆษก ในฐานะคนที่มาเป็นคนที่สื่อสารกับประชาชน และได้รับมอบหมายจากท่านนายกรัฐมนตรี ผมตำแหน่งเดิมที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ คือผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข มีพื้นที่ที่ต้องรับผิดชอบในเขตพื้นที่อีสานใต้ หน้าที่นี้เป็นหน้าที่โดยตรง แต่ตำแหน่งของโฆษก ศบค. เป็นตำแหน่งเพิ่มขึ้น

โอดถูกขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัว-ครอบครัว

มีคนไปค้นผมเรื่อง ของเงินเดือน ในกรณีที่ผมพูดพาดพิงไปถึงเรื่องภาระทางภาษี ภาระของประชาชน ซึ่งเป็นการตัดต่อคำต่าง ๆ ทั้งหลาย และก็บอกให้ผมไม่ต้องรับเงินเดือน เอาเงินเดือนนั้นมาให้กับคนอื่น ไปเจาะว่าผมมีเงินเดือนเท่าไร เงินประจำตำแหน่งเท่าไหร่ มีไปทำที่เอกชนยังไง มีรับเรื่องของทางเบี้ยประชุมอย่างไรบ้าง

“ผมอยู่ตรงนี้ ไม่ได้มีเบี้ยประชุมจากการทำงานที่ ศบค.เลย ก็ทำงานทุกวัน ซึ่งก็ไม่ได้พูดที่จะอะไร แต่มีคนที่อยากจะรู้ อยากจะค้น และออกไปทางสื่อมวลชน ผมก็ขออนุญาตได้ชี้แจง เพราะผมทำงานด้วยใจ ผมมีเงินเดือนของผมอยู่แล้ว ซึ่งรัฐดูแลผมในระดับที่พอประมาณ ถ้ามีเวลาว่างเสาร์-อาทิตย์ ผมก็ไปหารายได้เพิ่มเพื่อมาจุนเจือครอบครัว แต่ในช่วงโควิดแทบจะไม่ได้ไปออกตรวจข้างนอกเลย แทนที่จะได้ก็กลับไม่ได้ด้วยซ้ำ อันนี้ขอกราบเรียน ไม่ได้ขอความเห็นใจอะไร”

อย่างไรก็ตาม เป็นชุดข้อมูลที่ต้องบอก สิ่งสำคัญที่อยากจะนำเรียนขึ้นมาว่าเราเองเป็น “ข้าราชการ” ในเมื่อนายสั่ง ผู้บังคับบัญชาสั่ง ผมก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่หน้าที่มีหลากหลายเหลือเกิน บางครั้งไม่สามารถโฟกัสอยู่กับสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นอันเดียวได้

แล้วผมก็มาจากสายการแพทย์ สิ่งที่ต้องมาเรียนรู้ และต้องเรียนรู้หนักที่สุด ทั้งทางด้านกฎหมาย ทางด้านความมมั่นคง ทั้งทางด้านเรื่องของโรคระบาดวิทยา ซึ่งก็ไม่ได้เป็นวิชาชีพของตัวเอง เพราะตัวเองเป็น”จิตแพทย์” พยายามทำดีที่สุด มีข้อบกพร่องแน่นอน และผมก็บอกกับตัวเองว่า “ต้องรียนรู้”

ชี้กระทบมากสุดในโซเชียลมีเดีย

“แต่สิ่งที่กระทบมากที่สุดคือสิ่งที่เกิดขึ้นในโซเชี่ยลมีเดีย โดยโยงผมไปเกี่ยวข้องกับการเมือง บอกว่าผมติดอยู่ในอำนาจ ในอะไรต่าง ๆ เรื่องของการเมือง ผมไม่เคยคิดจะไปทางด้านนั้นเลย และอยากจะอยู่ในหน้าที่ของทางราชการ และทำให้ดี ปฏิบัติตามภาคของนโยบาย และผมก็จะทำให้เต็มที่ เพื่อประชาชน ในฐานะข้าราชการของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ”

ทำงานมาก็ภูมิใจในฐานะข้าราชการ เพราะฉนั้นตอนนี้ถ้ามีข่าวคราวอะไร แล้วกระทบไปถึงทั้งส่วนตัว และครอบครัวก็ขอความเห็นใจ เพราะตอนนี้ กำลังใจของการทำงานของทุกๆคนก็ต้องมี ตอนนี้ผมเองก็ต้องสร้างของตัวเองในฐานะที่เป็น”จิตแพทย์” ซึ่งก็กระทบกับหลายๆอย่างเหมือนกัน

เพราะฉนั้นสิ่งที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ก็อยากจะฝากกำลังใจนี้ ซึ่งผมก็สร้างกับตัวเอง และผมก็เชื่อว่าคนไทยทุกคนก็สร้างกันได้ และก็สร้างขึ้นมาเพื่อที่จะให้เราสู้กับโรคนี้ได้

ยกพระราชดำรัสสมเด็จพระสังฆราชให้กำลังใจ

ผมคิดอยู่เสมอว่า ยังไงวันพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้เสมอ และใช้กันมาตลอด และน้อมนำพระราชดำรัสของสมเด็จพระสังฆราช “คนที่เกิดมา มีแต่คนคอยช่วยเหลือ ถือว่าเป็นคนมีบุญ แต่คนที่เกิดมาแล้วได้ช่วยเหลือคนอื่น เป็นคนที่มีบุญมากกว่า”

ผมเองเกิดมาคงมีคนไปค้นประวัติ ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็ต้องช่วยตัวเอง ช่วยครอบครัวมาตลอด บุญคงจะน้อยนัก

แต่พอมาอ่านส่วนที่สอง “แต่คนที่เกิดมาแล้วได้ช่วยเหลือคนอื่น เป็นคนที่มีบุญมากกว่า” ผมอยากให้บุญนี้เกิดขึ้นกับตัวผมเอง ทุกวันนี้ก็พยายามตื่นแต่เช้า เพื่อศึกษาข้อมูลและนำมาสื่อสาร ถูกบ้าง ผิดบ้าง ต้องขออภัย แล้วก็ดีใจที่ได้ทำในทุกๆวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อที่เราจะได้สู้กับโรคนี้ และชนะกันในวันหนึ่ง ในวันข้างหน้า ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไร แต่ผมคนเดียวทำไม่ได้

“ผมจึงขอน้อมนำพระราชดำรัสของสมเด็จพระสังฆราช ช่วยผมด้วยครับ เรามีกว่า 60 ล้านคน ถ้าเราทำพร้อมๆกัน ผมว่าเราเอาชนะมันได้ “ นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวในตอนท้าย