หลังจากประเด็นวิพากษ์วิจารณ์การปรับเพิ่มเงินสมทบผู้ประกันตน จากเดิม 750 บาทต่อเดือนเป็นสูงสุด 1,000 บาทต่อเดือน โดยคิดคำนวณฐานค่าจ้างใหม่จากเดิมเงินเดือน 15,000 บาท เป็นสูงสุด 20,000 บาท เตรียมประกาศใช้อีก 3 เดือนข้างหน้า กระทั้งนายกรัฐมนตรีออกมาย้ำว่า ยังไม่ดำเนินการ เนื่องจากเครือข่ายแรงงานออกมาคัดค้านนั้น ล่าสุดเรื่องยังคงเดินหน้าต่อและยังมีการขยายอายุรับเงินบำนาญชราภาพอีก
เมื่อ วันที่ 29 ตุลาคม นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม(สปส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการประชาพิจารณ์ปฏิรูปกองทุนบำนาญชราภาพ ว่า เรื่องนี้ต้องแยกคนละส่วนกับกรณีการเพิ่มเงินสมทบผู้ประกันตนเงินเดือน 16,000-20,000 บาทขึ้นไป โดยกรณีนี้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นเมื่อปี 2559 แล้วและอยู่ระหว่างดำเนินการตามกฎหมาย ขั้นตอนคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จปี 2561 ขณะที่การขยายอายุรับเงินบำนาญชราภาพนั้น อยู่ระหว่างการประชาพิจารณ์ทั้งหมด 12 ครั้ง ผ่านการประชาพิจารณ์ไปแล้ว 6 ครั้ง ในกรุงเทพมหานคร จังหวัดพระนครศรีอยธุยา เชียงใหม่ พิษณุโลก กระบี่ และสงขลา โดยอีก 6 ครั้งที่เหลือจะทำใน 6 จังหวัด คือ ครั้งที่ 7 จังหวัดขอนแก่น วันที่ 30 – 31 ตุลาคม 2560 ครั้งที่ 8 จังหวัดอุบลราชธานี วันที่ 6 – 7 พฤศจิกายน 2560 ครั้งที่ 9 จังหวัดระยอง วันที่ 13 -14 พฤศจิกายน 2560 ครั้งที่ 10 จังหวัดเพชรบุรี วันที่ 20 – 21 พฤศจิกายน 2560 ครั้งที่ 11 จังหวัดสมุทรปราการ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2560 และครั้งที่ 12 กรุงเทพมหานคร วันที่ 28 พฤศจิกายน 2560
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
“โดยผล การประชาพิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการขยายอายุรับเงินบำนาญชราภาพ จากเดิมเกษียณอายุ 55 ปี เป็นอายุ 60 ปี แต่โดยระยะแรกก็จะเป็นไปโดยความสมัครใจ หากใครต้องการรับเงินบำนาญที่อายุ 55 ปีก็ทำได้เช่นเดิม เพียงแต่ในกรณีผู้ประกันตนที่ต้องการรับเงินตอนอายุ 60 ปีก็สามารถทำได้ ซึ่งตรงนี้เมื่อได้ข้อสรุปจะปรับแก้ในพ.ร.บ.ประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2558 ซึ่งหากแก้ไขแล้วก็จะเป็นพ.ร.บ.ประกันสังคม (ฉบับแก้ไขที่ 5) พ.ศ.2558 แทน แต่คงยังไม่รวดเร็วนัก เพราะต้องเป็นไปตามกระบวนการ” นพ.สุรเดช กล่าว
นพ.สุรเดช กล่าวว่า โดยการระดมความคิดเห็นนั้นจะมี 4 แนวทาง คือ แนวทางที่ 1 คงอายุการรับเงินบำนาญชราภาพที่ 55 ปี และรับสิทธิประโยชน์การรับเงินบำนาญแบบเดิม แนวทางที่ 2 ขยายอายุการเกิดสิทธิรับบำนาญตามหลักสากล และมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชดเชย หากไม่สามารถทำงานจนถึงอายุที่มีสิทธิรับบำนาญได้ แนวทางที่ 3 ขยายอายุการเกิดสิทธิรับบำนาญตามหลักสากลคือ 60 ปี และสามารถเลือกรับสิทธิประโยชน์บำเหน็จไปส่วนหนึ่งก่อนครบอายุรับบำนาญ แต่เมื่อครอบอายุเกิดสิทธิรับบำนาญ เงินที่ได้รับจะลดลง และแนวทางที่ 4 ขยายอายุรับบำนาญขั้นต่ำเฉพาะผู้ประกันตนใหม่ สำหรับผู้ประกันตนเดิมสามารถเลือกรับบำเหน็จส่วนหนึ่งก่อนครบอายุรับบำนาญ แต่เมื่ออายุครบรับบำนาญเงินจะลดลง ซึ่งสามารถเข้าไปศึกษาและแสดงความคิดเห็นว่าเห็นด้วยกับแนวทางใดในเว็บไซต์ ของสำนักงานประกันสังคม http://www.sso.go.th
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสืบค้นในเว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคมเปิดเผยตัวเลขการคำนวณเงินรับ บำนาญชราภาพ โดยให้คำนวณดังนี้ เงินบำนาญ = [20% + (1.5%x จำนวนปีที่ส่งเงินสมทบเกิน 180 เดือน)] x ค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า จากการสืบค้นในเว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคมเปิดเผยตัวเลขการคำนวณเงินรับ บำนาญชราภาพ โดยให้คำนวณดังนี้ เงินบำนาญ = [20% + (1.5%x จำนวนปีที่ส่งเงินสมทบเกิน 180 เดือน)] x ค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย หรือ หากส่งเงินสมทบมา 15 ปี อัตราเงินบำนาญอยู่ที่ 20% ก็จะได้รับเงินบำนาญต่อเดือนที่ 3,000 บาท แต่หากส่งเงินสมทบ 20 ปี จะได้อัตราเงินบำนาญ 27.5 % จำนวนเงินรับบำนาญ 4,125 บาทต่อเดือน หากส่งเงินสมทบ 25 ปี อัตราเงินบำนาญ 35 % จำนวนเงินรับบำนาญอยู่ที่ 5,250 บาทต่อเดือน หากส่งเงินสมทบ 30 ปี อัตราเงินบำนาญ 42.5% รับเงินบำนาญจำนวน 6,375 บาทต่อเดือน และหากสมทบ 35 ปี อัตราบำนาญอยู่ที่ 50% จะรับเงิน 7,500 บาท ซึ่งทั้งหมดเป็นกฎหมายที่ใช้ในปัจจุบัน
ที่มา มติชนออนไลน์