ทักษิณ เสนอให้เจ้าสัวธนินท์-เจริญ ช่วยเจรจาจีน สิงคโปร์ จัดหาวัคซีน

ทักษิณ

ทักษิณ โผล่คลับเฮ้าส์ คอมเมนต์ฝ่าวิกฤติโควิด-19 ระลอกเมษายน เสนอตัวช่วยไทยหาวัคซีน แนะเจ้าสัว-นักธุรกิจ เจรจาจีน สิงคโปร์ รัสเซีย

วันที่ 21 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (20 เม.ย.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปิดคลับเฮ้าส์ Tony Woodsome อีกครั้ง โดยมีการสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ฟังในการก้าวข้ามผ่านวิกฤตโควิด-19 ในระลอกของเดือนเมษายน

ในช่วงหนึ่งของการสนทนา มีคำถามถึงเรื่อง การบริหารจัดการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดในประเทศไทย ว่ามีความล่าช้า ทั้งที่ฝั่งรัฐบาลย้ำมาตลอดว่าเป็นไปตามแผน นายทักษิณ ระบุว่า แผนจะเขียนอย่างไรก็ได้ พร้อมยกตัวอย่าง “ยูเออี” ที่มีวัคซีนทุกยี่ห้อ แถมยังให้ฟรี ทำไมไทยไม่สั่งและยังจำกัดเพียงแค่ 2 ยี่ห้อ ทั้งชี้ให้เห็นว่า หากรู้จริงจะเข้าใจว่า “แอสตร้าเซนเนก้า” มีผลข้างเคียงมากกว่ายี่ห้ออื่น

“ก็แผนใครกันล่ะ แผนจะเขียนยังไงก็ได้ คือ วางแผนและ นิ่งไว้ ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น สรุปกรณียูเออี วัคซีนมีทุกยี่ห้อ แล้วให้ฟรี ทำไมเขาทำได้ ทำไมเราไม่สั่ง เราทำไมต้องจำกัดแค่ 2 ยี่ห้อ ถ้าเรารู้จริง จะเข้าใจว่า แอสตร้าเซนเนก้า จะมีผลข้างเคียงมากกว่ายี่ห้ออื่น ส่วนไฟเซอร์ และ โมเดอร์นา มีปัญหาน้อยสุด ของจีนนั้นซิโนฟาร์ม ค่อนข้างใช้อย่างกว้างขวาง แต่เรากลับเลือกซิโนแวก”

“วันนี้ปัญหาคือ วัคซีนต้องมีเพื่อกระตุ้นภูมิต้านทาน ถ้าเกิดผลข้างเคียง ต้องนึกถึงอันตรายว่า ใครเหมาะสม ระยะยาว ผลข้างเคียงเราไม่รู้ ผมไม่เลือกซิโนฟาร์ม แต่วิธีของซิโนฟาร์มเป็นแบบเดิมที่ใช้กันมานาน เลยเลือกก่อน แล้วดูว่าเพิ่มไว้ได้แค่ไหน แล้วก็กินสังกะสี วิตามินซี กินอาหาร เพิ่มภูมิคุ้มกัน”

นอกจากนี้ “ทักษิณ” ยังกล่าวย้ำถึง “เสรีวัคซีน” ที่เปิดให้ภาคเอกชนสามารถนำเข้ามาได้ โดยรัฐบาลจะต้องเปิดช่องทางสนับสนุน

ทักษิณ เสนอตัว ช่วยไทยหาวัคซีน

จากนั้น นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย และอดีตกรรมการแพทยสภา หนึ่งในผู้ร่วมสนทนา ได้ถามความเห็นต่อ นายทักษิณว่า หากนายทักษิณ อยากบริจาคหรือเจรจากับบริษัท วัคซีน เพื่อช่วยคนไทย เพื่อไม่อยากให้เกิดภาพแบบประเทศอิตาลี ที่ปล่อยผู้ป่วยรอความตายท่ามกลางการรองรับไม่พอ

“ทักษิณ” มองว่า ไม่จำเป็นต้องไปร่วมกับหลายประเทศ เพราะนักธุรกิจไทยหลายคนมีความสามารถและความสัมพันธ์มากพอที่จะไปเจรจากับ บริษัท ผลิตวัคซีน และแนะนำให้นักธุรกิจแต่ละคนไปช่วยกันเจรจา อีกทั้งยังเสนอตนเอง หากอยากให้ไปช่วยเจรจากับ “วลาดีมีร์ ปูติน” ประธานาธิบดีรัสเซียก็ได้ ส่วนรัฐบาลหากได้วัคซีนมาต้องรีบกระจาย โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและร้านอาหาร

“สำหรับกรณีวัคซีน ผมว่าต้องไปร่วมกับหลายประเทศ นักธุรกิจหลายคนมีขีดความสามารถที่จะไปเจรจากับบริษัทผลิตวัคซีน เช่น จีน สิงคโปร์ รัสเซีย อย่างตะวันออกกลางใช้ซิโนฟาร์มเยอะมาก นักธุรกิจชั้นนำของไทยมีคอนเนกชั่นมากมาย ขอให้แต่ละคนช่วยกันเจรจาสิครับ”

“เช่น เจ้าสัวธนินท์ ขอให้ท่านไปช่วยเจรจากับประเทศจีน เจ้าสัวเจริญ ไปเจรจากับสิงคโปร์ หรือจะให้ผมไปช่วยคุยกับ ปูติน รัสเซียก็ได้ สรุป คือ รัฐบาลเองจะต้องตื่นตัวมากกว่านี้ พอได้มา ก็รีบกระจายวัคซีน ไม่ใช่กระจุกอยู่ที่เดียว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและร้านอาหารต้องฉีดก่อน”

“ประยุทธ์” นำเข้าวัคซีนเพิ่มอีก 35 ล้านโดส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” ว่า ประเทศไทยจะจัดหาวัคซีนอีก 2-3 ยี่ห้อเพิ่มเติมอีกประมาณ 35 ล้านโดส นอกเหนือจากที่ดำเนินการไว้แล้วประมาณ 65 ล้านโดส

ส่วนภาคเอกชน นำโดยสภาหอการค้าไทย ก็จะช่วยรัฐบาลจัดหาให้วัคซีนให้กับพนักงานของตนเองด้วยประมาณ 10-15 ล้านโดส

หอการค้า-40 ซีอีโอ ถกแผน “วัคซีนทางเลือก”

หอการค้าไทย จัดประชุมร่วมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ 40 บริษัทใหญ่จากทุกกลุ่มธุรกิจในประเทศไทยผ่านระบบประชุมทางไกล เพื่อวางแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของภาคเอกชนและการจัดหา “วัคซีนทางเลือก” ให้เพียงพอ ทางกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กลับมารุนแรงอีกครั้งหนึ่งในปี 2564