ผุดแคมเปญล่ารายชื่อ กดดันรัฐบาลนำเข้าวัคซีน mRNA

ประยุทธ์
Photo by Lillian SUWANRUMPHA / AFP

วัคซีนซิโนแวคถูกตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพ จึงมีหลายกลุ่มตั้งแคมเปญล่ารายชื่อร้องรัฐให้สิทธิ์ประชาชนเลือกวัคซีนเอง

ขณะนี้หลายคนยังไม่มั่นใจถึงประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19 ที่กำลังกระจายฉีดให้กับคนไทยอยู่ในขณะนี้ ทำให้หลายฝ่ายผุดแคมเปญเรียกร้องรัฐบาลเปิดเสรีนำเข้าวัคซีนทางเลือก และให้ประชาชนได้มีสิทธิเลือกวัคซีนยี่ห้ออื่น รวมไปถึง mRNA วัคซีน (ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา) ที่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะป้องกันโควิดสายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) ที่เริ่มพบการติดเชื้อในประเทศไทย

แต่ละแคมเปญมีที่มาอย่างไร “ประชาชาติธุรกิจ” สำรวจและรวบรวมมาให้ผ่าน Chang.org ดังนี้

เรียกร้องให้รัฐบาลไทยเปิดเสรีวัคซีนโควิด-19

เริ่มกันที่แคมเปญ เรียกร้องให้รัฐบาลไทยเปิดเสรีวัคซีนโควิด-19 เป็นแคมเปญที่จัดทำขึ้นโดย Émilie Moore ล่ารายชื่อรวม 50,000 ราย เรียกร้องให้รัฐบาลเปิดให้ภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนอย่างเสรี โดยเปิดรับรายชื่อวัคซีนที่ภาคเอกชนมีความประสงค์จะนำเข้ามา

จากนั้นให้รัฐบาลจัดทำกรอบเวลาที่ชัดเจนว่า วัคซีนนั้น ๆ จะได้รับการตรวจสอบและอนุมัติโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาภายในเมื่อไหร่และดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนยี่ห้ออื่น นอกจากจะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนได้เร็วขึ้นแล้ว ยังเป็นการลดภาระของภาครัฐในการกระจายวัคซีนและบริหารงบประมานอีกด้วย

โควิดอินเดียมาแล้ว โควิดแอฟริกามาแล้ว ปลดล็อควัคซีนตัวอื่นด่วน

ต่อมากลุ่มหมอไม่ทนได้ผุดเกิดแคมเปญ โควิดอินเดียมาแล้ว โควิดแอฟริกามาแล้ว ปลดล็อควัคซีนตัวอื่นด่วน ล่ารายชื่อรวม 50,000 รายชื่อ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลปลดล็อควัคซีนทุกยี่ห้อที่สามารถติดต่อได้ทันที ยกเลิกการควบคุมอำนาจบริหารจัดการไว้ตามลำพัง และขอให้ประชาชนทุกคนควรได้รับวัคซีนเร็วที่สุดไม่ว่าเป็นชนิดใดก็ตาม เพื่อลดอาการติดเชื้อรุนแรงและการเสียชีวิต และประชาชนต้องมีสิทธิและเสรีภาพในการเลือกวัคซีนที่ดีที่สุดให้กับตนเองเช่นกัน

อีกทั้งยังเรียกร้องให้รัฐบาลต้องรีบเปิดเผยข้อมูลให้แก่ประชาชนเรื่องการจัดซื้อวัคซีน ทำให้เป็นเรื่องโปร่งใส และเร่งเปิดทางวัคซีนทางเลือกอื่นนอกเหนือจากซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้าให้ประชาชนได้เลือก เพื่อใช้ในกรณีที่ต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิซ้ำเข็มที่ 3 และเข็มที่ 4 ในอนาคต หรือเตรียมตัวในกรณีที่วัคซีนที่ฉีดไปแล้วไม่สามารถป้องกันประชาชนจากเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ๆ ได้ นอกจากนี้ เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ ควบคุมวิกฤตขณะนี้

ขอสิทธิในการเลือกวัคซีน

นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้เปิดแคมเปญ ขอสิทธิในการเลือกวัคซีน ล่ารายชื่อรวม 75,000 รายชื่อ โดยเป็นการเรียกร้องให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อให้ประชาชนมีสิทธิ์เลือกยี่ห้อวัคซีนด้วยตนเอง เนื่องจากการบังคับฉีดวัคซีนให้กับประชาชน โดยที่ประชาชนไม่มีสิทธิเลือกยี่ห้อวัคซีนถือเป็นการละเมิดสิทธิในการได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ

อีกทั้งยังชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวค ที่รัฐบาลจัดหามาจากประเทศจีนมีเพียง ร้อยละ 50 ซึ่งต่ำกว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าอย่างมาก รวมไปถึงการฉีดวัคซีนยังเป็นไปอย่างล่าช้า และมีการนำเสนอข่าวผู้เสียชีวิตของผู้ได้รับวัคซีนหลายกรณี ทำให้สร้างความไม่มั่นใจให้กับประชาชนอย่างมาก

นอกจากนี้ บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ยังปฏิเสธการฉีดวัคซีนโควิด หรือขอเลือกฉีดวัคซีนที่ตนเองต้องการ ข่าวนี้ยิ่งสร้างความกังวลใจให้กับประชาชนมากขึ้นไปอีก

#เลิกสั่งSinovac แล้วหาวัคซีนคุณภาพตัวอื่นมาด่วน

อีกหนึ่งแคมเปญจากผู้สร้างที่ชื่อ ทั้งชีวิตเราแลดู ในแคมเปญ #เลิกสั่งSinovac แล้วหาวัคซีนคุณภาพตัวอื่นมาด่วน ล่ารายชื่อรวม 10,000 รายชื่อ

เป็นการเรียกร้องให้รัฐบาลไทย เลิกสั่งวัคซีนซิโนแวคเข้ามาเพิ่ม และรีบจัดหาวัคซีนคุณภาพมาฉีดให้ประชาชน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และอำนวยความสะดวกให้วัคซีนทางเลือกได้เข้ามารวดเร็วขึ้น

พร้อมยังบอกข้อมูลเปรียบเทียบประสิทธิภาพของวัคซีนแต่ละชนิดจากการเปิดเผยจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดังนี้

  • ซิโนแวค ประสิทธิภาพ มากกว่า 50.3%
  • ไฟเซอร์ ประสิทธิภาพ 95%
  • โมเดอร์นา 94.5%
  • แอสตร้าเซนเนก้า 70.4%

บุคลากรแพทย์ด่านหน้า เรียกร้องนำเข้าวัคซีน mRNA

จากกรณีพบบุคลากรแพทย์ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม แล้วยังติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มบุคลากรทางแพทย์ด่านหน้าได้สร้างแคมเปญล่ารายชื่อบุคลากรทางการแพทย์เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลนำเข้า mRNA วัคซีนสำหรับโรคโควิด-19 เป็นกรณีเร่งด่วน สืบเนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อและการเสียชีวิตที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด กลุ่มภาคีบุคลากรสาธารณสุข และหมอไม่ทน จะนำหนังสือพร้อม 200,000 รายชื่อที่รวบรวมได้ผ่านช่องทางออนไลน์ และ Change.org ไปยื่นต่อรัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้นำเข้าวัคซีน mRNA และเป็นพิจารณาเป็นวัคซีนหลัก