หลัง ครม. มีมติเห็นชอบให้วันที่ 28 ธ.ค. เป็นวันหยุดกรณีพิเศษของภาคตะวันออก หลายคนสงสัยว่าเหตุใดต้องเป็นวันนี้ ?
วันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 กรณี คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบวันหยุดกรณีพิเศษภาคตะวันออก จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด สระแก้ว ปราจีนบุรี และ นครนายก ในวันที่ 28 ธันวาคม 2564 ซึ่งเป็นวันพระเจ้าตากสินมหาราช ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
- สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ “เอไอเอส” สละโสดในวัย 62 ปี
- แจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท จุลพันธ์ชงบอร์ดชุดใหญ่ 27 มี.ค.นี้
- เปิดไทม์ไลน์ แจกเงิน 10,000 ลงทะเบียนเมื่อไหร่ เงื่อนไขเป็นยังไง
เหตุที่วันหยุดพิเศษของภาคตะวันออกตรงกับวันที่ 28 ธันวาคม นั้น สอดคล้องกับที่ นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ เคยออกมาเรียกร้อง ครม. โดยให้เหตุผลว่า วันที่ 28 ธันวาคม เป็นวันคล้ายวันปราบดาภิเษกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งเส้นทางเดินทัพกู้เอกราชนั้น เกี่ยวพันกับทุกจังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออก
“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมเรื่องราวตั้งแต่ช่วงก่อนถึงวันปราบดาภิเษกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช การตั้งราชธานีใหม่ และการประกาศวันสมเด็จพระเจ้าตากสิน เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นถึงความสำคัญของวันหยุดพิเศษนี้
พระเจ้าตาก ฝ่าวงล้อมออกจากกรุงศรีอยุธยา
ผศ.ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เขียนบทความเรื่อง 28 ธ.ค.ปราบดาภิเษกพระเจ้ากรุงธนบุรี : ทำไมพระเจ้าตากจึงตีฝ่าวงล้อมออกจากกรุงศรีอยุธยาในวันนั้น เผยแพร่ทางมติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2562 ระบุว่า
พระเจ้าตากทรงวิเคราะห์อนาคตของกรุงศรีอยุธยาแล้วว่า กรุงศรีอยุธยาจะต้องเสียเมืองแก่กองทัพฝ่ายพม่าอังวะอย่างแน่นอน
ย้อนกลับไปเมื่อราว 15 เดือนก่อนหน้าการตีฝ่าวงล้อม นั้น คือจุดเริ่มที่กองทัพพม่าอังวะเริ่มเคลื่อนจากด้านเหนือคือเชียงใหม่ ลงมายังเขตแดนของอยุธยา เมืองแรกที่ต้องเผชิญหน้ากองทัพพม่าคือ เมืองตาก หรือ เมืองบ้านตาก ของ พระยาตาก หรือ พระเจ้าตาก ทำให้พระเจ้าตากตัดสินใจพาทหารและครอบครัวในสังกัดของพระองค์และผู้ตัดสินใจติดตามพระองค์ ลงมาปักหลักอยู่ยังกรุงศรีอยุธยา
ก่อนฤดูฝนหรือก่อนน้ำหลากท่วมพื้นที่โดยรอบนอกกำแพงพระนครกรุงศรีอยุธยา กองทัพพม่าทั้งจากด้านเหนือและจากด้านใต้ที่ค่อย ๆ ปราบหัวเมืองต่าง ๆ ให้มาขึ้นหรือภักดีกับฝ่ายพม่าอังวะ ก็ได้มาตั้งค่ายโอบล้อมกรุงศรีอยุธยาในระยะห่างสัก 7-10 กิโลเมตรโดยรอบ มีค่ายใหญ่สองค่ายแม่ทัพ ได้แก่ ค่ายโพธิ์สามต้น และค่ายสีกุกบางไทร
ฝ่ายกษัตริย์และชนชั้นนำอยุธยาปักหลักเชื่อมั่นว่า ยุทธศาสตร์ของการรักษากรุง และรักษาสถานภาพผู้ปกครองอยุธยาคือ น้ำหลาก ที่ฝ่ายกองทัพพม่าน่าจะยกทัพกลับไปกรุงอังวะของตน ไม่อาจจะอยู่ในปริมณฑลน้ำหลากโดยรอบได้
ทว่าฝ่ายแม่ทัพกองทัพพม่าอังวะกลับคิดตรงข้าม น้ำหลากนั้นทำให้คนในอยุธยา “เปรียบเหมือนปลาที่ติดอยู่ในอวนแห” จะออกไปไหนก็ไม่ได้ จะทำมาหากินปลูกข้าวในทุ่งโดยรอบอยุธยาก็ไม่ได้ จะหาปลาค้าขายระหว่างเมืองก็ไม่ได้ จะต้องถูกล้อมจนอดอยากหิวโหย ข้าวยากหมากแพงภายในกำแพงพระนคร
เมื่อน้ำลดลงหลังวันเพ็ญเดือน 12 เข้าสู่เดือนอ้าย ยุทธศาสตร์ฝ่ายพม่านั้นมีผลอย่างชัดเจนขึ้น ผลสะเทือนจากการล้อมกรุงศรีอยุธยาในฤดูน้ำหลาก ส่งผลต่อสภาพชีวิตความเป็นอยู่และอาหารการกินของคนในกำแพงพระนคร บวกกับจำนวนคนที่มีมากขึ้น ซึ่งมาจากการอพยพหลบเข้าไปอยู่ในกำแพงพระนครในช่วงสงครามอันยาวนาน อาจมีจำนวนคนอาศัยอยู่สูงขึ้นเป็นหลักแสนกว่าคน
ดังนั้น เพียงเริ่มต้นเดือน 2 พระเจ้าตาก จึงตัดสินใจพากองทัพและครอบครัวในสังกัดของพระองค์ตีฝ่าวงล้อมออกไป เพราะวิเคราะห์ข้อมูลและปัจจัยรอบด้านแล้วเห็นแล้วว่า อยุธยาได้พ่ายแพ้ด้านยุทธศาสตร์ช่วงน้ำหลากไปแล้ว ดังนั้น กรุงศรีอยุธยาต้องแตกอย่างแน่นอน
ตั้งราชธานีใหม่ “กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร”
หลังจากนั้น พระเจ้าตาก วางแผนจะเข้ายึดเมืองจันทบูร จึงสั่งให้ทหารทำลายหม้อข้าวให้หมด เพื่อปลุกขวัญทหารให้ฮึดสู้ หวังว่าเมื่อตีเมืองจันทบูรแตกแล้ว จะได้เข้าไปกินข้าวในเมือง ซึ่งสุดท้ายกองทัพพระเจ้าตากก็สามารถตีเมืองจันทบูรได้ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2310
หลังเหตุการณ์นี้จึงมีผู้คนมาเข้าร่วมกับพระองค์เป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยเมืองจันทบูรและเมืองตราดไม่มีพม่าเข้ายึดครอง
3 เดือนผ่านไป พระเจ้าตากสามารถรวบรวมเสบียงและกำลังคนได้ประมาณ 5,000 นาย จึงยกทัพเรือล่องมาจนถึงปากแม่น้ำเจ้าพระยา และยึดเมืองธนบุรีจากพม่าได้สำเร็จ จากนั้นจึงเดินทางต่อไปยังกรุงศรีอยุธยา สามารถเข้ายึดค่ายโพธิ์สามต้น ขับไล่ทหารพม่าออกจากราชอาณาจักร กอบกู้เอกราชได้สำเร็จในเวลา 7 เดือน นับตั้งแต่ที่เสียกรุงเมื่อปี พ.ศ. 2310
พระเจ้าตากได้ยกทัพกลับมาที่ธนบุรี เพื่อตั้งราชธานีใหม่ในชื่อ “กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร” และทรงปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2310 ในพระชนมายุ 34 พรรษา ทรงเฉลิมพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาที่ 4
รัฐบาลประกาศวันสมเด็จพระเจ้าตากสิน
สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อแผ่นดินไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการกอบกู้เอกราชให้ชาติไทย รัฐบาลจึงประกาศให้วันที่ 28 ธันวาคม ของทุกปี (ซึ่งตรงกับวันที่ทรงปราบ ดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์) เป็น “วันสมเด็จพระเจ้าตากสิน” นอกจากนั้นคณะรัฐมนตรียังมีมติให้ถวาย พระราชสมัญญานามว่า “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช”
ทุกวันที่ 28 ธันวาคมของทุกปี ทางกรุงเทพมหานครจะได้จัดงาน “วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” ขึ้น ณ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (วงเวียนใหญ่) และถนนลาดหญ้าตลอดสายถึงแยกคลองสาน ซึ่งมีการจัดงานมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และให้ประชาชนชาวไทยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์สืบต่อไป