เปิดแผน ศบค.คุมโควิดระยะ 2 ปรับระบบ Thailand pass – Test & Go ใหม่

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน

ศบค.เปิดแผนคุมโควิด ระยะ 2 เดือนพ.ค.นี้ เห็นชอบในหลักการปรับระบบ Thailand pass-Test & Go ใหม่ให้ผ่อนคลายลง เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาได้มากขึ้น เล็งลดเงินประกันภัยเพื่อช่วยให้ประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน ประยุทธ์สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมือช่วงเทศกาลสงกรานต์เต็มสูบ หลังเส้นกราฟชี้ชัดป่วยหนักกับใส่ท่อช่วยหายใจและเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ห่วงภาคอีสานยอดตายเพิ่ม

วันที่ 8 เมษายน 2565 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงรายละเอียดหลังมีการประชุมศบค.ชุดใหญ่ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศบค. เป็นประธานว่า ที่ประชุมมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องของสงกรานต์

นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการเตรียมพร้อมและแถลงให้ประชาชนได้รับทราบ ทั้งกระทรวงมหาดไทย กลาโหม คมนาคม กรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ข้อมูลกับพี่น้องประชาชนอย่างละเอียดเพื่อให้สามารถลดการติดเชื้อและผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์นี้ไปได้อย่างมีความสุข

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน

คีย์เวิร์ดเล่นสงกรานต์ “ริน รด พรม”

โดยหลักการเราเปิดให้มีสงกรานต์ และต้องมีการขออนุญาต แต่จะเล่นน้ำอย่างไรให้มีความสุข คีย์เวิร์ดของเราคือ “ริน รด พรม” ที่จะเล่นสงกรานต์ในปีนี้

นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวว่า ตอนนี้สถานการณ์การติดเชื้อทั่วโลกก็ค่อยๆลดลงมาแล้ว รวมถึงการเสียชวิตก็ลดน้อยลง ทำให้หลายประเทศมีการเปิดด่าน เปิดประเทศ เปิดการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เพราะเล็งเห็นแล้วว่าสถานการณ์ในตอนนี้ของโอมิครอนตัวเลขของผู้เสียชีวิตไม่ได้มากอย่างที่คิด

ห่วงป่วยหนัก-เสียชีวิตพุ่ง ป่วยรายวันเพิ่ม 50,000 ราย

สำหรับประเทศไทยตอนนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 25,140 ราย ผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 89 ราย แต่ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของผู้เสียชีวิตระลอกนี้จะอยู่ที่ 0.26% เท่านั้น เมื่อเทียบกับปีที่แล้วซึ่งคนละสายพันธุ์อยู่ที่ 0.68% เรียกว่าของไทยสถานการณ์ไม่ได้แย่เหมือนกับของทั้งโลกที่สูงกว่าของไทยเรา

สิ่งสำคัญคืออาการหนักอยู่ที่ 1,899 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ที่ 815 ราย ซึ่งก็อยู่ในศักยภาพที่เราสามารถดูแลได้ โดยยอดติดเชื้อรายวันอยู่ที่ 25,430 ราย และถ้ารวม ATK จะอยู่ที่ประมาณ 40,000-50,000 ราย ส่วนปอดอักเสบอยู่ที่ 1,899 ราย ซึ่งค่อยๆพุ่งขึ้น อย่างที่บอกว่าอัตราการติดเชื้อจะอยู่ที่ผู้สูงอายุ ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง โรคเรื้อรัง และมีผู้ที่ใส่ท่อช่วยหายใจอยู่ที่ 815 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มสูงขึ้นไปในทางทรงตัว

 

“ส่วนการติดเชื้อในจังหวัดต่างๆพบว่า กรุงเทพฯยอดติดเชื้อเพิ่มขึ้น ชลบุรีขึ้น สมุทรปราการทรงๆตัว โดยหลายๆจังหวัดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่จังหวัดท่องเที่ยวอย่างภูเก็ตที่มีการควบคุมกันอย่างดี ตัวเลขลดลง”นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว

อัตราการครองเตียงระดับ2-3 ยังรับได้

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ป่วยปอดอักเสบมากที่สุดและทำให้ต้องใช้ทรัพยากรในเรื่องเตียงผู้ป่วย แม้บางจังหวัดอย่างกรุงเทพมหานคร นครราชสีมา สมุทรปราการ กาญจนบุรี ชลบุรีจะมีผู้ป่วยเป็นสีแดง แต่อัตราการครองเตียงในภาพรวมของประเทศในระดับ 2-3 เฉลี่ยยังอยู่ที่ร้อยละ 28.4% ยังถือว่ารับได้ หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของเตียงที่มีการใช้ไป

ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิต 93% ยังอยู่ในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปและกลุ่มที่มีโรคเรื้อรัง ซึ่งกระจายไปในหลายจังหวัด โดยวันนี้กลุ่มจังหวัดในภาคอีสานมีผู้เสียชีวิตสูงสุดรวม 26 ราย รองลงมาเป็นกลุ่มจังหวัดภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก รวม 19 ราย ภาคใต้และภาคเหนือรวมกลุ่มจังหวัดละ 12 ราย กรุงเทพมหานคร 14 ราย และจังหวัดปริมณฑล สมุทรปราการ นครปฐม ปทุมธานี รวม 6 ราย

“ภาคอีสานตัวเลขกำลังขึ้น ตอนนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 26 ราย สูงที่สุดในประเทศแล้วตอนนี้ ซึ่งในช่วงสงกรานต์จะมีคนกลับบ้าน จะมีแรงงานกลับบ้านไปในภาคอีสาน และภาคอีสานมีการฉีดวัคซีนในกลุ่ม 608 หรือ 607 ต่ำกว่าในภาคอื่นๆ เพราะฉนั้นสถานการณ์ต้องขอความร่วมมือคนที่มีผู้สูงอายุอยู่ในบ้านขอให้ท่านไปรับวัคซีนก่อนที่ลูกหลานจะมาเยี่ยม” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว

ส่วน 10 อันดับที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด อันดับ 1. เป็นกรุงเทพมหานคร 3,078 ราย ชลบุรี 1,225 ราย ขอนแก่น 1,174 ราย สมุทรปราการ 856 ราย นครศรีธรรมราช 848 ราย นนทบุรี 806 ราย สมุทรสาคร 703 ราย นครปฐม 668 ราย ราชบุรี 631ราย และอุดรธานี 537 ราย

สำหรับกราฟที่เรามีการคาดการณ์และมีการติดตาม ซึ่งเราเรียกว่า Combatting phase ล่าสุดกราฟของผู้ป่วยอักเสบไต่ขึ้นไปอยู่ระหว่างเส้นสีเขียวและเหลืองแล้ว ซึ่งถ้าไปขึ้นไปอยู่สีเหลือง สีแดงก็จะทำให้กินทรัพยากรเตียง ซึ่งก็ยังไม่มาก แต่ในส่วนของผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจล่าสุดจะเห็นว่าเส้นไต่ขึ้นไปมากกว่าเส้นสีเหลืองแล้ว เช่นเดียวกับผู้เสียชีวิตก็แตะเส้นสีเหลืองแล้วเช่นกัน

สรุป ณ ตอนนี้เรายังอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้กับการติดเชื้อของโรคนี้ตามระยะซึ่งเราอยู่ในระยะของ Combatting ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีก็กล่าวในที่ประชุมว่า เราต้องทำให้ดีที่สุดในช่วงเวลาอย่างนี้ เพื่อทำให้ตัวเลขผู้สูญเสีย แม้แต่ 1 ชีวิตเราก็ไม่อยากให้เกิด แต่ก็ต้องให้ความร่วมมือของพี่น้องประชาชนทุกส่วนด้วยเพื่อที่เราจะได้ผ่านไประยะที่ 2 ซึ่งจะเป็นระยะหลังสงกรานต์

“ถ้าไม่สูงขึ้นมาก ระยะ 2 และระยะ 3 ก็จะเกิดขึ้นเร็ว โดยนายกฯให้เพิ่มคู่สาย 1330 โดยเร็วเพื่อรองรับการบริการที่จะเพิ่มขึ้นด้วย รวมถึงการเตรียมการที่จะมีการเปิดเทอมข้างหน้าด้วยในส่วนของเด็กๆด้วย”

 

เปิดแผนรับมือระยะที่ 2 เดือนพ.ค. 65

นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ส่วนการกระจายชุดตรวจ ATK เพื่อให้ประชาชนตรวจด้วยตัวเองในกลุ่มเสี่ยง ทางสปสช.ได้เตรียมไว้ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงกันยายนประมาณ 22.8 ล้านชิ้น โดยช่วงที่ผ่านมามีการใช้ไปแล้ว 3.1 ล้านชิ้น จากจำนวนคนประมาณ 1.2 ล้านคน พบว่ามีผลบวกประมาณ 2.3% ใช้ต้นทุนต่อชุดประมาณ 55 บาท ใช้งบประมาณไปแล้ว 170 ล้านบาท

และตอนนี้มีผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาโดยศิริราชพยาบาลและมีภาคเอกชนมาร่วมกันทำ ทำให้เกิด ATK ไทยขึ้นมาราคาตกประมาณ 40 บาท/ชิ้น ตอนนี้ผลิตได้ 2 แสนชิ้นต่อเดือน และมีเป้าหมายที่จะผลิตให้ได้ 1 ล้านชิ้น และจะทำให้ราคาถูกลง

นอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการท่องเที่ยวและกีฬารายงานว่าตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2565 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาแล้วกว่า 4.7 แสนราย โดยมีการปรับเรื่องการตรวจโควิดจาก RT-PCR มาเป็น ATK ลดเวลาการกักตัวก็ทำให้มีนักท่องเที่ยวนิยมเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น รวมทั้งยังมีผู้ลงทะเบียนขอเข้ามาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น

ปรับระบบ Thailand Pass- Test & Go ใหม่

ศบค.ยังเสนอในที่ประชุมถึงการวางแผนในระยะที่ 2 (พฤษภาคม 2565) โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการการปรับแผนมาตรการผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร ประเภท Test & Go Sandbox และ Quarantine ระยะ 2 ในเดือนพฤษภาคม 2565 เสนอโดยศปก.กก. และคณะกรรมการด้านวิชาการของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีข้อสรุปแล้ว แต่ยังไม่ลงรายละเอียด โดยผู้อำนวยการศบค.ให้นำเข้าสู่ที่ประชุมศบค.อีกครั้งเพื่อประเมินสถานการณ์หลังช่วงเทศกาลสงกรานต์

สำหรับ การปรับแผนมาตรการผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร ประเภท Test & Go Sandbox และ Quarantine ระยะ 2 (เดือนพฤษภาคม 2565) มีดังนี้

  • 1.ระบบการลงทะเบียน ปรับหลักฐานที่ต้องใช้ในระบบ Thailand Pass ให้น้อยลง จากเดิมระยะที่ 1 เมษายน 2565 ผ่าน Thailand Pass ยกเว้น ทางน้ำ : ผ่านการขอ COE หรือ Thailand pass
  • 2.ผลการตรวจก่อนเดินทาง จากเดิม ฯ ยกเลิกการตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทาง ทั้งสามกลุ่ม
  • 3.ประกันภัย ผ่อนคลายวงเงินประกัน หรือ อื่น ๆ จากเดิมฯ ประกันภัย หรือ ประกันในรูปแบบอื่น ๆ วงเงิน USD 20,000 ให้ลดจำนวนลงเพื่อให้พี่น้องในประเทศเพื่อนบ้านเราสามารถดำเนินการได้
  • 4.ปรับรูปแบบการตรวจหาเชื้อ เมื่อมาถึง และระหว่างพำนัก
    กรณี Test and Go ในรูปแบบอื่น เช่น
    -ปรับรูปแบบการตรวจการเชื้อฯ เมื่อเดินทางมาถึง เพราะบางประเทศตรวจเฉพาะ ATK จากเดิมฯ กรณี Test & Go และ Sandbox ตรวจ RT-PCR 1 ครั้ง เมื่อเดินทางถึงประเทศ และ Self-ATK วันที่ 5
    กรณี Quarantine ลดระยะเวลากักตัว จากเดิมฯ กักตัว 5 วัน และตรวจ RT-PCR วันที่ 4-วันที่ 5
    กรณีผู้ควบคุมยานพาหนะฯ และลูกเรือ ลดระยะเวลากักตัว หรือ ผ่อนคลายอื่น ๆ จากเดิม ฯ กักตัว 5 วัน และตรวจ Self-ATK วันที่ 5
    5.กรณีผู้เดินทางติดเชื้อฯ และกรณีเป็นผู้เสี่ยงสูง (HRC)
    -ผู้ติดเชื้อ ฯ อาการเล็กน้อย (ผู้ป่วยสีเขียว) ผ่อนคลายอื่น ๆ จากเดิมฯ AQ ,Hospitel , Home Isolation กักตัวเป็นเวลา 10 วัน
    -ผู้เสี่ยงสูง (HRC) ยกเลิกการกักตัว หรือผ่อนคลายอื่น ๆ จากเดิมฯ กักตัว 7 วัน และสังเกตอาการ 3 วัน ตรวจ ATK วันที่ 5-วันที่ 6 และวันที่ 10

“ยังไม่ได้อนุมัติ แต่เห็นชอบในหลักการ ท่านนายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศบค.แจ้งว่า ขอให้ดูผลของระยะในช่วงสงกรานต์นี้ ว่า พี่น้องประชาชนคนไทยเราร่วมมือกันอย่างไร และทำให้ตัวเลขของการติดเชื้อภายในประเทศนี้สามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

ขณะเดียวกันตัวเลขที่เราเพิ่งเปิดมาในช่วง 1 เมษายนของผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวของเราจะเป็นตัวปัจจัยสำคัญที่จะบอกว่าในเดือนพฤษภาคม หรือในระยะที่ 2 ในเดือนพฤษภาคมนี้จะเป็นอย่างไร ซึ่งจะได้นำเข้าที่ประชุมในครั้งต่อไป” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว และว่า

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการฉีดวัคซีนที่ต้องเร่งกันเพราะจะเป็นปัจจัยสำคัญ โดยกลุ่มผู้สูงอายุเข็ม3 มีการฉีดไปได้เพียง 37% ซึ่งเป็นข้อห่วงใย เพราะยังมีคนอีกประมาณ 60%ยังไม่ได้ฉีดเข็ม 3 ซึ่งจะทำให้มีการติดเชื้อและเสียชีวิตได้ ขณะเดียวกันในกลุ่มเด็กมีการฉีดเข็ม 2 เพียงแค่ 1% ซึ่งยังต่ำอยู่