กรมวิทย์ฯ เผยรับวัคซีนโควิดเข็ม 3 กระตุ้นภูมิโอมิครอน BA.2 ได้จริง

กรมวิทย์ เผยผู้รับวัคซีนโควิดเข็ม 3 กระตุ้นภูมิโอมิครอน BA.2 ได้จริง

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยโอมิครอน BA.2 พบมากสุด 95.9% ไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ครอบคลุมทั้งหมด ขณะที่ข้อมูลตรวจภูมิคุ้มกัน BA.2 พบทุกสูตรวัคซีนเข็ม 3 เข็ม กระตุ้นภูมิฯ BA.2 ดีกว่า BA.1

วันที่ 11 เมษายน 2565 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวประเด็นภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์ย่อย BA.2 ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในไทย ขณะนี้เป็นยุคการระบาดระลอก 5 สายพันธุ์โอมิครอนเป็นตัวหลักการระบาดและกลายพันธ์ย่อยเป็น BA.1 และ BA.2 เพราะฉะนั้นการตรวจเฝ้าระวังและการศึกษาเรื่องของภูมิเป็นสิ่งสำคัญ

ขณะนี้ ยอดรวมสะสมโควิดกว่า 3 ล้านคน สำหรับสถานการณ์เฝ้าระวังสัปดาห์ที่ผ่านมาชัดเจนว่า BA.2 ขึ้นไปถึง 95.9% เหลือ BA.1 แค่ 4% ดังนั้น ไม่เกิน 1-2 สัปดาห์เกือบ 100% จะเป็น BA.2 เพราะแพร่เร็วกว่า ส่วนเดลตาแทบไม่เหลือในบ้านเราแล้ว

อีกทั้ง การตรวจหาระดับภูมิคุ้มกันในคนที่ได้รับวัคซีน เป็นวิธีมาตรฐานโลก คือวิธี PRNT โดยการนำภูมิคุ้มกันในน้ำเลือดของคนได้รับวัคซีนนำมาสู้กับไวรัสตัวเป็นๆ คือ BA.2 ที่ได้เพาะเลี้ยงขึ้นมา หลังจากมีการระบาดจึงมีตัวอย่าง แต่การขึ้นค่อนข้างช้า ทำให้การทดสอบต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง หลังจากได้จำนวนไวรัสเพียงพอ โดยหลักการง่ายๆ คือ นำน้ำเลือดมาทำการเจือจางลงไปเป็นเท่า ๆ

เช่น 1ต่อ10 1 ต่อ40 1ต่อ 160 ไล่จนถึงจุดที่ฆ่าตัวรัสได้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า เป็น PRNT50 คือเมื่อฆ่าได้ครึ่งหนึ่งจึงเป็นจุดที่หยุด เพราะตัวเลขเจือจางถึงในระดับที่ต้องการ เช่น หากเจือจางถึง 100 เท่าฆ่าได้ครึ่งหนึ่งจะเป็นไตเตอร์ 100 โดยวิธีนี้ต้องตรวจในห้องปฏิบัติการที่มีความปลอดภัยระดับ 3 เท่านั้น ไม่สามารถทำได้ในแล็ปทั่วไป ขณะนี้มีเพียงกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แห่งเดียวทำได้ โดยใช้เวลาตรวจถึง 7-8 วัน

สำหรับผลที่ออกมา ซึ่งเป็นการทยอยตรวจในแต่ละช่วงเวลา เบื้องต้นจากกราฟสีน้ำเงินและสีแดง โดยกรณีคนฉีดวัคซีน 2 เข็ม จากซิโนแวค กับแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งสูตรไขว้ และยังมีแอสต้าฯกับแอสตร้าฯ และมีไฟเซอร์ 2 เข็ม และมีซิโนแวคตามด้วยไฟเซอร์ และยังมีแอสตร้าฯตามด้วยไฟเซอร์

นอกจากนี้ ยังมีการฉีด 3 เข็ม คือ ซิโนแวค ซิโนแวคและแอสตร้าฯ รวมทั้งยังมีซิโนแวค 2 เข็มตามด้วยไฟเซอร์ และมีแอสตร้าฯ 2เข็มและตามไฟเซอร์ อีกทั้งยังมีสูตรซิโนแวค แอสตร้าฯ ตามด้วยไฟเซอร์ และยังมีสูตรซิโนแวค แอสตร้า และตามด้วยแอสตร้าเข็มที่ 3

อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงเบื้องต้นคนที่ฉีดไม่ว่าสูตรไหนก็ตาม ปรากฎว่า ภูมิที่ลบล้างฤทธิไวรัสโอมิครอน BA.2 สูงกว่า BA.1 ด้วยซ้ำไป หมายว่าภูมิจัดการ BA.2 ได้มากกว่า BA.1 ดังนั้น ที่กังวลว่า BA.2 จะหลบวัคซีนได้มาก น่าจะไม่จริง อันนี้เป็นเลือดหลังจากฉีดวัคซีนไป 2 สัปดาห์ ซึ่งภูมิฯจะขึ้นขึ้น

นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่า แม้จะจัดการ BA.2 ได้สูง แต่ตัวเลขไม่ได้มากนัก วัดตอน 2 สัปดาห์หลังฉีด ดังนั้น ณ วันนี้ฉีดมานาน ภูมิอาจตกลง แต่ขณะที่ผู้ฉีดวัคซีน 3 เข็ม หรือบูสเตอร์ ภูมิกลับขึ้นสูงขึ้นพอสมควร จึงเป็นสาเหตุต้องให้มาฉีดเข็ม 3

อย่างข้อมูลหากเวลาเลยไปประมาณ 1 เดือน คนที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็มภูมิแทบไม่เหลือเฉลี่ย 11 นิด ๆ คัดพอยท์อยู่ที่ 10 ป้องกันได้ ส่วนแอสตร้าฯ กับแอสตร้าฯ ขึ้นไปประมาณ 26 ซึ่ง 1 เดือนเหลือแค่นี้ หากกินเวลา 2-3 เดือนก็จะเหลือยิ่งน้อย แต่หากถูกบูสด้วยเข็มที่ 3 เช่นซิโนแวค 2 เข็มเติมด้วยแอสตร้าฯ หรือไฟเซอร์ ก็จะเป็น 61 และ 94 ซึ่งถือว่าสูงพอสมควร อยู่ในระดับที่พอจะช่วยป้องกันโรคได้

ส่วนกรณีแอสตร้าฯ แอสตร้าฯ ตามด้วยไฟเซอร์ หากผ่านไปแล้วนาน 3 เดือนจะเป็นอย่างไรนั้น เราจะค่อยๆตรวจสอบกันไปและจะนำเรียนให้ทราบต่อไป