#ดารุมะ ปคบ.รวบรวมหลักฐานส่งอัยการ เมธาปฏิเสธไม่ได้ฉ้อโกง

ดารุมะ

ปคบ. เร่งรวบรวมคำให้การและเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องภายใน 28 ก.ค.นี้ ส่งสำนวนไปยังอัยการ ด้านเมธาปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าไม่ได้ทำการฉ้อโกงประชาชน

วันที่ 24 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลตำรวจตรีอนันต์ นานาสมบัติ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับผู้บริโภค(ผบก.ปคบ.) เปิดเผยถึงขยายผลหลังจับกุมนาย​เมธา ชลิงสุข​ หรือ ​บอนนี่ เจ้าของกิจการร้านดารุมะซูซิ​ ว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายจากกรณีดารุมะซูชิ แจ้งความทางออนไลน์แล้วประมาณ 700 ราย โดยมีการส่งคดีมายังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ประมาณ 250 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างประสานกับทางผู้เสียหายว่าจะเข้าแจ้งความร้องทุกข์ในท้องที่ใด

รวมถึงยังมีผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความตามท้องที่ต่างๆ อีกจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียหายกลุ่มที่ซื้อคูปองไปขายต่อเข้าให้การกับพนักงานสอบสวนแล้ว 4 ราย ส่วนผู้เสียหายที่ซื้อแฟรนไชส์นั้นเข้าให้การแล้ว 7 ราย ขณะที่โอเพ่นแชท “ผู้เสียหาย ดารุมะ ซูชิ” มีผู้เข้าร่วมแล้วประมาณ 1,800 คน โดยภายในโอเพนแชทดังกล่าว จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยประสานข้อมูลกับทางผู้เสียหายอีกด้วย

ขอฝากถึงประชาชนที่ได้รับความเสียหาย หากสะดวกสามารถเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือสถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุที่สะดวกได้ โดยทาง บก.ปคบ. ได้ทำการส่งประเด็นการสอบสวนไปยังพนักงานสอบสวนท้องที่ต่างๆ แล้ววานนี้ (23 มิถุนายน)

ส่วนการแจ้งความออนไลน์ ทางแอดมินจะส่งประเด็นการสอบสวนให้กับพนักงานสอบสวนในแต่ละท้องที่ต่อไป ซึ่งตนได้สั่งการให้มีการสอบปากคำในประเด็นว่าเข้าข่ายความผิดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน แชร์ลูกโซ่หรือไม่ โดยวานนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ได้มีการเรียกประชุมคณะทำงาน โดยมีการกำหนดประเด็นการสอบสวนเพื่อให้มีความรวดเร็วและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

และมีการวางกรอบระยะเวลาให้พนักงานสอบสวนแต่ละท้องที่รวบรวมคำให้การและเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ส่งมายัง บก.ปคบ. ภายในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ เพื่อให้ทันส่งสำนวนไปยังอัยการ


พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังพบว่ามีผู้ก่อเหตุเพียงรายเดียวคือนายเมธา ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าไม่ได้ทำการฉ้อโกงประชาชน แต่ต้องปิดกิจการเนื่องจากดำเนินธุรกิจต่อไปไม่ไหว ทาง บก.ปคบ. ได้ประสานขอบันทึกรายการเคลื่อนไหวบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาแล้ว เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน หากพบว่ามีการยักย้ายถ่ายเทไปยังบุคคลใด ก็จะเข้าข่ายความผิดตามมูลฐานฟอกเงินต่อไป