หมดเวลาคล็อปป์ ?

Jurgen Klopp
Jurgen Klopp (Photo by Glyn KIRK / AFP)
คอลัมน์ : คุยกับเอกราช
ผู้เขียน : เอกราช เก่งทุกทาง

ถ้าให้สรุปภาพรวมของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ แฟนหงส์คงคิดคำลำบาก ผิดเป้าก็คงใช่ แต่จะบอกว่าเป็นปีที่เสียเปล่าก็ไม่เชิง

ลิเวอร์พูลพลาดทุกแชมป์ โอกาสติดท็อปโฟร์คงจะยาก

แต่มันก็ยังมีเกมน่าจดจำ อย่างชนะแมนฯซิตี้ในบ้านได้ 1-0 บุกชนะนิวคาสเซิ่ล 2-0 ยำบอร์นมัธ 9-0

และแน่นอน ถล่มแมนฯ ยูฯ 7-0 คุยให้ลูกหลานฟังไปทั้งชาติก็ไม่เบื่อ

อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลดีเป็นบางนัด บวกลบคูณหารแล้วแย่มากกว่า ทำท่าจะหมดลมตั้งแต่ 3 เดือนสุดท้ายก่อนจบฤดูกาล

เร่งไม่ขึ้น เล่นไม่ออก ไม่มีอะไรใหม่

อาการฟ้องว่า ความเปลี่ยนแปลงกำลังใกล้เข้ามา

ตอนนี้ทุกคนรู้ดีว่า หงส์แดงต้องยกเครื่องครั้งใหญ่ในช่วงซัมเมอร์ นักเตะเก่ง ๆ จะถูกซื้อเข้ามาหลายคน ตัวเก่าบางส่วนโดนโละทิ้ง เป็นการสร้างทีมใหม่ หวังผลสู่อนาคตในอีก 5 ปีข้างหน้า

คำถามคือ อนาคตข้างหน้า ยังสมควรมีกุนซือ เยอร์เก้น คล็อปป์ เหมือนเดิมไหม

คล็อปป์คุมลิเวอร์พูลตั้งแต่ปี 2015 8 ปีที่ผ่านมา เขาพาทีมหงส์แดงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, แชมเปี้ยนส์ ลีก,เอฟ เอ คัพ, คาราบาวคัพ ช่วงพีก ๆ ถูกยกให้เป็นทีมหมายเลข 1 ของโลกซะด้วยซ้ำ

แต่บางทีวงจรความสำเร็จมันอาจจะหมดรอบ อยู่กันมาจนอิ่มตัว หมดความท้าทาย ไร้แรงจูงใจไปแล้ว

บอลสไตล์ เยอร์เก้น คล็อปป์ คือ เฮฟวี่เมทัลฟุตบอล ขายความดุดัน ไล่เพรสซิ่ง บดขยี้คู่แข่งไม่ให้หายใจ เกมแบบนี้ใช้พลังงานเยอะ มีความเสี่ยงสูง

ถ้าบี้เขาไม่อยู่ ก็โดนสวนหงายท้อง เน้นแต่ความแข็งแกร่ง ความยืดหยุ่นต่ำ ความหลากหลายไม่ค่อยมี

แล้วการใช้พลังมาก ก็ต้องเคี่ยวนักเตะหนัก ผู้เล่นหงส์แดงหลายคนจึงมีปัญหาเจ็บกล้ามเนื้อ เดี้ยงบ่อย แพ้ภัยตัวเองตั้งแต่สนามซ้อม

บางทีปรัชญาการทำทีมของคล็อปป์อาจจะใกล้หมดอายุ ถึงเวลาต้องหาแนวทางใหม่ ๆ มีอะไรแปลก ๆ มาเซอร์ไพรส์คู่ต่อสู้บ้าง

มันไม่ใช่ว่าคล็อปป์หมดน้ำยา แค่อยู่ด้วยกันมานานเกินไป…

ไม่มีอะไรใหม่เป็นเหตุผลหนึ่ง

อีกจุดที่สำคัญคือ ลูกทีมเริ่มไม่มีเอฟเฟ็กต์ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกับกุนซือ ด่าไป กระตุ้นไป สอนไป ก็ไร้อารมณ์ร่วม

เหมือนสมองตาย ปลุกยังไงก็ไม่ฟื้น

อาการแบบนี้คือสัญญาณอันตรายว่า ต้องเปลี่ยนกุนซือ

แฟนลิเวอร์พูลส่วนใหญ่รักเยอร์เก้น คล็อปป์ ผูกพันกับคล็อปป์ ยกให้เขาเป็นหนึ่งในตำนานของสโมสร การแยกทางกันจึงเป็นออปชั่นที่น่าตกใจ ยอมรับลำบาก

แต่ลิเวอร์พูลต้องอยู่กับความเป็นจริง และอยู่กับปัจจุบัน

ถ้าใช้เหตุผลคิดดีแล้วว่า ถึงเวลาต้องเปลี่ยน มันก็ต้องเปลี่ยน

ไม่มีกุนซือคนไหนใหญ่กว่าสโมสรนะครับ