ครึ่งทางงานหนังสือฯ หนังสือแนวการเมือง-เศรษฐกิจ-ประวัติศาสตร์ มาแรง

มหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 25 อาจกลายเป็นกองหนังสือถูกดองในโกดังสำนักพิมพ์ต่างๆ หลังยอดขายหายไปกว่า 30% ไทม์มิ่งไม่ดี สถานที่จัดงานอยู่ไกล ส่วนหนังสือขายดีในงานแนวประวัติศาสตร์-การเมืองมาแรง

งานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 25 ใน “No กองดอง : ซื้อไป ไม่กอง ไม่ดอง ต้องอ่าน” ได้เดินทางมาถึงครึ่งทางแล้ว ก่อนจะปิดฉากลงอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 ตุลาคม 2563

งานมหกรรมหนังสือฯ ที่จัดบริเวณอาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี มีสำนักพิมพ์ต่างๆ ร่วมออกบูธประมาณ 276 บูธ โดยมีจำนวนผู้เข้าชมงานและเลือกซื้อหนังสือน้อยกว่าปกติ

ประกอบกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่หมดไปเสียทีเดียว จึงทำให้มีผู้เข้ามาร่วมงาน “น้อยกว่า” งานมหกรรมหนังสือฯ ที่เคยจัดในช่วงประมาณปลายเดือนตุลาคม – พฤศจิกายนของทุกปี แต่ที่สำคัญอาจเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไม่ค่อยดี จึงทำให้มีผู้มาเลือกซื้อหนังสือและมาชมงานน้อยกว่าเดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครึ่งทางของงานมหกรรมหนังสือระดับชาติฯครั้งนี้ หนังสือไฮไลต์ที่เป็นพระเอก-นางเอกของงานที่ขายดีมากๆ ก็คือ นวนิยาย, การ์ตูน, ประวัติศาสตร์, จิตวิทยา และ หนังสือการเมือง-เศรษฐกิจ โดยเฉพาะหนังสือแนวประวัติศาสตร์-การเมืองจะขายดีมากๆ

สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือคาดหวังว่า ตลอด 12 วันของการจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติฯ น่าจะมีคนเข้าร่วมงานประมาณใกล้ๆ 1 ล้านคน และยังหวังว่า น่าจะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 280 ล้านบาท จากสภาวะปกติจะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท ยอดขายหายไปประมาณ 30%

นายจรัญ หอมเทียนทอง ประธานบริหาร บริษัทสำนักพิมพ์แสงดาว กล่าวว่า อุปสรรคปัญหาใหญ่ที่ทำให้ไม่ค่อยมีคนมางานมหกรรมหนังสือฯก็คือ “ไทม์มิ่งไม่ดี” การจัดงานไม่ตรงกับเวลาหยุดเรียนของนักเรียนที่สำคัญก็คือ สถานที่จัดงานอยู่ไกลเกินไป เดินทางไม่สะดวก แม้ทางผู้จัดงานจะพยายามหารถชัตเตอร์บัสมาช่วยขนคนเข้างานก็ตาม แต่ก็ยังเป็นอุปสรรค

อีกอย่างอาจเพราะช่วงจัดงานอยู่ในช่วงฤดูฝน จึงทำให้การเดินทางมีอุปสรรค โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านมาเสาร์-อาทิตย์ (3-4 ตุลาคม) ซึ่งเป็นความหวังว่าคนจะเยอะ “แต่เอาเข้าจริงคนน้อยมาก”

บวกกับทางผู้จัดงานให้ผู้เข้าร่วมงานทุกคนลงทะเบียน เพื่อต้องการฐานข้อมูลผู้อ่านก็ยิ่งทำให้แฟนานุแฟนผู้อ่านหลาย “คนหัวเสีย” จนไม่อยากเข้าร่วมงานเพราะ “จริงๆ แค่ลงทะเบียนสแกนไทยชนะ ผมก็ว่าน่าจะเพียงพอแล้ว”

กล่าวโดยสรุปตลอดครึ่งทางของมหกรรมหนังสือระดับชาติฯ โดยเฉพาะช่วง 3 วันแรก “ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงเพราะแทบไม่มีใครมาร่วมงานเลย” แต่พอถึงวันเสาร์-อาทิตย์ (3-4 ต.ค.) ผ่านมาก็ผงกหัวขึ้นมาบ้าง ซึ่งผมก็ตั้งความหวังต่อไปว่า ในอีก 6 วันที่เหลือว่าน่าจะมีคนเข้ามาร่วมงานมากกว่านี้

ส่วนหนังสือที่จัดว่าขายดี และมีคนสนใจมาก ได้แก่ หนังสือที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสต์การเมือง “ขายดีมาก” โดยเฉพาะหนังสือเรื่องขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี, ตามรอยอาทิตย์อุทัย : แผนสร้างชาติไทยสมัยคณะราษฏร , กบฎบวรเดช : เบื้องแรกปฏิปักษ์ปฏิวีติสยาม 2475 และ ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ ของ ณัฐพล ใจจริง

ด้าน นางเอมอร ส่องสว่าง ผู้อำนวยการฝ่ายหนังสือเล่มและรักษาการผู้จัดการฝ่ายขายพิเศษ บริษัทงานดี จำกัด ผู้ดูแลการขายของสำนักพิมพ์มติชน กล่าวว่า ในวันจันทร์ ถึง วันศุกร์ที่ผ่านมา มีผู้เข้าชมงานหนังสือน้อย ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์มีผู้เข้าชมงานมากขึ้น เนื่องจากมีนักเขียนชื่อดังมาแจกลายเซ็นและขึ้นเวทีเสวนา สามารถดึงแฟนคลับของนักเขียนมาร่วมงานได้ ทำให้ยอดผู้ร่วมงานขยับเพิ่มขึ้น

สรุปยอดขายของ สำนักพิมพ์มติชน หลังจากผ่านไป 5 วันปรากฏ ยอดขายลดลง 30% เมื่อเทียบกับ 5 วันแรกของงานในปีก่อนหน้านี้ ส่วนอันดับหนังสือขายดีประจำบูทสำนักพิมพ์มติชน (อัพเดต วันที่ 5 ตุลาคม 2563) ได้แก่ 1) Soft Power 2) โลกนี้ไม่ได้มีคำตอบเดียว 3) ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา 4) ประวัติศาสตร์อยุธยาห้าศตวรรษสู่โลกใหม่ และ 5) มนุษย์อยุธยา

“มีเสียงสะท้อนจากผู้เข้าร่วมงานว่า การเดินทางไปยังสถานที่จัดงานยากลำบากสาหัสมาก นอกจากรถติดในภาวะปกติแล้ว ยังมีปัญหาฝนตก-น้ำท่วมมาซ้ำเติม ทำให้เกิดกระแสบอกต่อว่า ไม่ควรเดินทางไปที่งาน อย่างไรก็ตาม ทางสำนักพิมพ์มติชนได้เตรียมช่องทางออนไลน์ www.matichonbook.com ไว้รับมือการที่ลูกค้าไม่สามารถเดินทางไปร่วมงานได้ โดยมีโปรโมชั่นและลดราคาหนังสือเช่นเดียวกันกับที่ขายในงาน” นางเอมอรกล่าว

ด้านนายจักรวุธ ใจดี Strategic Planning Director บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด ที่จัดจำหน่ายหนังสือของสำนักพิมพ์กว่า 300 แห่งเปิดเผยว่า จำนวนลูกค้าที่เข้าไปซื้อหนังสือที่บูทร้านหนังสือนายอินทร์ลดน้อยลงประมาณ 20% ขณะที่ยอดซื้อต่อบิลเพิ่มสูงขึ้น แต่รายได้โดยรวมยังไม่คัฟเวอร์จำนวนบิลที่หายไป ปีนี้นายอินทร์ตั้งเป้ายอดขายไว้ใกล้เคียงกับยอดขายปีก่อนหน้า แต่ยอดที่ขายได้ใน 6 วันที่ผ่านมาต่ำกว่ายอดขาย 6 วันแรกของงานปีก่อนหน้า

นายจักรวุธมองว่ามี 2 ปัจจัยที่ทำให้ผู้เข้าร่วมงานน้อยลง คือ 1.การจัดงานในช่วงที่โรงเรียนยังไม่ปิดเทอม ทำให้ไม่มีนักเรียนและนักศึกษาเข้าร่วมงานในวันจันทร์-ศุกร์ 2.ฝนตกหนักหลายวัน ทำให้น้ำท่วม ส่งผลให้การเดินทางยากลำบากกว่าปกติ คนจึงไม่อยากเดินทางไปร่วมงาน

ขณะที่ยอดขายในงานลดลง นายจักรวุธเปิดเผยว่า ฝั่งยอดขายออนไลน์เติบโตขึ้น โดยเริ่มมาจากช่วงที่โควิด-19 เริ่มระบาด ร้านหนังสือต้องปิดให้บริการ ลูกค้าจึงเหมือนถูกบังคับให้ซื้อหนังสือทางออนไลน์ ทำให้ยอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดด หลังจากที่สถานการณ์ผ่อนคลาย ร้านหนังสือกลับมาเปิดให้บริการได้ ยอดขายทางออนไลน์ลดลงจากช่วงที่โตกระโดด แต่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าก่อนโควิด ถือว่าเป็นการสร้าง “เส้นสแตนดาร์ดเส้นใหม่” ขึ้นมา

กลุ่มหนังสือที่ขายดีประจำบูทนายอินทร์ได้แก่ หนังสือในกลุ่มนิยายวาย ที่ยังเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีกลุ่มคนอ่านที่หลากหลาย หนังสือการ์ตูน สายการ์ตูนญี่ปุ่น มังงะ เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่เติบโตและกลุ่มคนอ่านขยายมากขึ้น จากเดิมที่เป็นผู้ชายเยอะ ปัจจุบันนี้มีผู้หญิงมากขึ้น และหนังสือแปลญี่ปุ่นก็เติบโตขึ้นมากเช่นกัน

อันดับหนังสือขายดี ได้แก่ 1.มังกรผู้พิชิต หงส์คู่บัลลังก์ 2.เทพบุตรแห่งชาติกับคุณผู้ชายคนนั้น 3. Money Lecture เรียนหนึ่งครั้งใช้ทั้งชีวิต 4.คิดต่าง สร้างการเปลี่ยนแปลง 5.Magic Shop

นายจักรวุธพูดถึงงานหนังสือครึ่งหลังที่เหลืออีก 6 วันว่า รู้สึกหนักใจกับวันจันทร์-ศุกร์ เพราะการเดินทางไปเมืองทองธานีโหดร้ายสำหรับคนที่อยู่โซนบางนา โซนตะวันออกของกรุงเทพฯ ดังนั้นจึงมีความพยายามจัดงานย่อย ๆ ในเมือง ซึ่งในวันที่ 23 ตุลาคม-1 พฤศจิกายนนี้จะจัดงานมหกรรมนิยายนานาชาติ ที่สามย่านมิตรทาวน์ หลังจากที่จัดงานครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วได้รับการตอบรับอย่างดี มีนักอ่านเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก