อีลอน มัสก์ ทวงสิทธิ์ ChatGPT ต้องฟรีและทั่วถึง?

อีลอน มัสก์ ทวงสิทธิ์ผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI เจ้าของ ChatGPT อ้างชื่อ OpenAI เพราะต้องการเปิดให้เป็นงานวิจัย เพื่อประโยชน์สาธารณะไม่ใช่หารายได้ พร้อมเตือนผลกระทบใหญ่หลวงต่ออารยธรรม 

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเทคโนโลยี ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ เทสล่า อิงค์ เปิดเผยในงาน World Government Summit ในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  ว่าหนึ่งในความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดต่ออนาคตของอารยธรรมมนุษย์คือ ปัญญาประดิษฐ์ พร้อมกล่าวถึงการพัฒนา ChatGPT โดย OpenAI 

“มันส่งผลต่ออารยธรรมทั้งแง่บวกและแง่ลบ แต่ก็มีอันตรายใหญ่หลวงตามมาด้วย” นายมัสก์ เน้นย้ำ 

ในปี 2015 อีลอน มัสก์ เป็นผู้ก่อตั้ง OpenAI ร่วมกับนาย แซม เอาท์แมน ซีอีโอปัจจุบันของ OpenAI ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพในสหรัฐฯ ที่พัฒนา ChatGPT ซึ่งเป็นเครื่องมือ AI เชิงกำเนิด (Generative A.I.) ที่สร้างข้อมูลตอบสนองต่อคำสั่งของผู้ใช้ ซึ่งเป็นรูปแบบขั้นสูงของ AI ที่ขับเคลื่อนโดยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่เรียกว่า GPT-3 มันถูกตั้งโปรแกรมให้เข้าใจภาษามนุษย์และสร้างการตอบสนองโดยอิงจากข้อมูลจำนวนมหาศาล

“ChatGPT ได้แสดงให้ผู้คนเห็นแล้วว่า AI ก้าวหน้าแค่ไหน AI มีความก้าวหน้ามาระยะหนึ่งแล้ว ในขณะที่รถยนต์ เครื่องบิน และการแพทย์ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยตามกฎระเบียบ แต่ AI ยังไม่มีกฎหรือข้อบังคับใด ๆ ที่ควบคุมพัฒนาการของมัน

ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องควบคุมความปลอดภัยของ AI อย่างตรงไปตรงมา เพราะจริง ๆ แล้วมันเป็นความเสี่ยงต่อสังคมมากกว่ารถยนต์ เครื่องบิน หรือยาเสพติด กฎระเบียบอาจทำให้การพัฒนา AI ช้าลงเล็กน้อย แต่ฉันคิดว่านั่นอาจเป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน” 

ก่อนหน้านี้เขาได้ให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่าเอไอที่ไม่ได้รับการควบคุมมีอานุภาพร้ายแรงกว่าหัวรบนิวเคลียร์ ซึ่งคำพูดของเขาเริ่มได้รับความนิยมยิ่งขึ้น เมื่อปัจจุบันองค์กรทางการศึกษา องค์กรข่าว และอีกสายงานอาชีพกำลังเผชิญหน้ากับการคุกคามตลาดงานด้วยทักษะการเขียนชั้นสูงของ ChatGPT

อีลอน มัสก์ ได้ออกจากการเป็นคณะกรรมการของ OpenAI ในปี 2018 และไม่ถือหุ้นในบริษัทอีกต่อไป เนื่องจากเวลานั้นบริษัท Tesla Inc ก็กำลังทำการวิจัย AI ขั้นสูงอยู่

ในขณะที่ OpenAI ก็ก่อตั้งเพื่อวิจัยเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะ ดังนั้นการที่ อีลอน มัสก์ ถือหุ้นใหญ่และเป็นซีอีโอของเทสล่า ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจอำลาตำแหน่ง เพราะไม่ต้องการให้เกิดกรณีผลประโยชน์ทับซ้อน อย่างไรก็ตามเขายังบริจาคเงินทุนสนับสนุน OpenAI อย่างต่อเนื่อง

เขากล่าวถึงเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจร่วมก่อตั้ง OpenAI เป็นเพราะ Google ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของ AI มากพอ อย่างไรก็ตามเมื่อมีการเปิดทดสอบ ChatGPT ในช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมาและ Microsoft เริ่มเข้ามาทุ่มเงินลงทุนและเตรียมนำเอไอที่ได้จาก OpenAI ไปพัฒนาใส่ผลิตภัณฑ์ของตน การกระทำนี้ขัดเจตนารมณ์ของการก่อตั้งอย่างมาก

“เริ่มแรก OpenAI ถูกสร้างเป็น Open source ที่เปิดกว้างไม่หวังผลกำไร มันจึงได้ชื่อว่า OpenAI ตอนนี้เป็น Close-Source และเพื่อผลกำไร ดังนั้นผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใน OpenAI และไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการ และไม่ได้ควบคุมมัน ตอนนี้มันกลายเป็นบริษัทที่หวังทำกำไรสูงสุดที่ควบคุมโดย Microsoft อย่างมีประสิทธิภาพ” อีลอน มัสก์ โพสต์บน Twitter ส่วนตัว

อย่างไรก็ตาม ChatGPT นำไปสู่การต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่าง Google ยักษ์ใหญ่แห่งเทคโนโลยีการค้นหาทางอินเทอร์เน็ต และ Microsoft ซึ่งลงทุนใน OpenAI และรวมซอฟต์แวร์ของบริษัทเข้ากับเว็บเบราว์เซอร์ Bing Google ตอกกลับ ChatGPT ด้วยเครื่องมือคู่แข่งของตัวเองที่ชื่อว่า Bard บริษัทกำลังดำเนินการตามทัน เนื่องจากนักลงทุนตั้งคำถามว่า ChatGPT จะเป็นภัยคุกคามหรือเป็นการครอบงำบริการ Search Engine หรือไม่