จับตา ธนาคารคริปโตฯ ล่ม หวั่นลูกโซ่ลามอีก

Silvergate ระงับเครือข่ายชำระคริปโต หลังไตรมาส 4/2565 ขาดทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมเลื่อนประกาศผลประกอบการปี 2565 กูรูชี้วิกฤตนี้เชื่อมต่อเกือบทุกกระดานเทรดใหญ่และเป็น domino effect จาก FTX 

วันที่ 5 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า วานนี้ Silvergate ธนาคารคริปโตเคอร์เรนซีรายยักษ์ ประกาศระงับเครือข่ายการชำระเงินคริปโต Silvergate Exchange Network ที่เชื่อมโยงกับกระดานเทรด หรือบริษัทคริปโตรายยักษ์จำนวนมาก เช่น Coinbase, Crypto.com, Bitstamp, Paxos, Galaxy Digital, Gemini เป็นต้น

เครือข่ายดังกล่าวคือระบบที่ Silvergate นำเงินจากลูกค้าที่ฝากเงินกับธนาคารโดยเฉพาะกับลูกค้ารายใหญ่ที่เป็นกระดานเทรด หรือบริษัทคริปโตด้วยกัน จากนั้นนำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อย เช่น พันธบัตรหรือหุ้นกู้ เพื่อรอผลตอบแทนในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 3 มีนาคม Silvergate ซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ขอเลื่อนรายงานผลประกอบการปี 2565 และจากรายงานเฉพาะไตรมาสที่ 4/2565 บริษัทขาดทุนนับพันล้านเหรียญสหรัฐ (ตามรายงานของ Bloomberg) สร้างความวิตกกังวลให้กับลูกค้าบริษัทคริปโตที่แห่มาขอยกเลิกสัญญา Silvergate Exchange Network ซึ่งบีบบังคับให้ Silvergate ต้องขายสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำทั้งพันธบัตรหรือหุ้นกู้ที่ยังไม่มีผลตอบแทน

หากรวมเหตุการณ์เมื่อช่วงต้นปีที่ลูกค้าอื่น ๆ ถอนเงินพร้อมกันกว่า 8 พันล้านเหรีญสหรัฐ จะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ย่ำแย่ของบริษัท

บลูมเบิร์ก ได้พูดคุยกับ J. Austin Campbell ผู้ช่วยศาสตราจารย์คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยโคลัมเบียว่า แม้จะดูเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก แต่ก่อนหน้านี้มีการย้ายเงินออกไปบ้างแล้วความเสียหายอาจน้อยลง

“นี่เป็นสัญญาณที่แย่มาก ในการประกาศห้ามเคลื่อนย้ายเงิน แต่อาจจะมีข่าวดีคือ ผู้คนชาวคริปโตจํานวนมากได้ตัดความสัมพันธ์กับ Silvergate และได้ย้ายเงินออกไปแล้ว มันจึงเป็นหายนะน้อยกว่าที่ควรจะเป็น”

อย่างไรก็ตาม นายปรมินทร์ อินทโสม กูรูคริปโตเคอร์เรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งได้ติดตามความเคลื่อนไหวของ Silvergate มาตลอดตั้งแต่ FTX ล่มสลายเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ได้ออกมาอธิบายและให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

“Silvergate คืออะไร ทำไมตอน FTX ล่ม ผมถึงพูดถึง Silvergate บ่อย ว่าให้ระวัง เพราะมันเชื่อมต่อเกือบทุก exchange ใหญ่ และมันเป็น domino effect จาก FTX ล่ม (ผ่านมา 2-3 เดือนเริ่มมี effect ที่ public ในสื่อออกมา)”

ย้อนกลับไปก่อน 2014 Silvergate คือ ธนาคาร หลังจากมกราคม 2014 เปลี่ยนมาทำ Crypto Bank และว่ากันว่าคือ The first blockchain bank หุ้นลิสต์ใน NYSE”

Silvergate คือข้อต่อระหว่างสถาบันการเงินแบบ traditional, crypto exchange (CEX), เหมืองขุด Bitcoin ต่าง ๆ

“วันที่ 3 มกราคม 2023 ที่ผ่านมา FED, OIC และ FDIC (สถาบันคุ้มครองเงินฝากสหรัฐ) มีประกาศที่มีผลกระทบโดยตรงกับ Silvergate สรุปการรายงานคือ ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐสามารถให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลได้
ผลคือคนแห่ถอนเงินออกจาก Silvergate 8,100 ล้านดอลลาร์ (โดยประมาณ) หลังจากนั้นต้องขายหลักทรัพย์ที่มีไปแบบขาดทุนประมาณ 718 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้ดูแลในส่วนที่โดนถอนออกไปได้”

“วันที่ 5 มกราคม 2023 หุ้น Silvergate ถูกเทขาย 40% (ในวันเดียว)
วันที่ 3 มีนาคม 2023 Silvergate ไม่สามารถส่งงบการเงินกับ กลต. สหรัฐได้ เอกสารแจ้งว่า
-ธนาคารมีปัญหาเกี่ยวกับ FTX
-มีปัญหาด้านสภาพคล่องจาก 2 เดือนที่ผ่านมา (ธนาคารพาณิชย์สามารถทำธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลได้)
Silvergate ต้องมีอัตราส่วนเงินกองทุน > 5% แต่ตอนนี้มีแค่ 5.36% (ใกล้เกณฑ์ที่รัฐกำหนดมากเกินไป)”

“บริษัทที่เชื่อม Silvergate : Coinbase, Gemini, Kraken, DCG, Genesis Galaxy Digital, Crypto.com, Circle Paxos เชื่อม stablecoin คือ Paxos USDC”

“noted : ตอน FTX ล่ม ผมบอกว่ามันจะเกิดปัญหาใหญ่ เพราะมันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่ปัญหาแค่เรื่องสภาพคล่อง เพราะ FTX เป็นกระดานใหญ่อันดับ 2 ของโลก อีกทั้งยังเอา FTT token ไปค้ำประกันกู้เงินมาทำธุรกิจอีก (ต่อมาจึงเกิดหนี้ก้อนใหญ่ในระบบคริปโต)”

“หลายคนบอกกันว่า FTX มันล่มไม่หนักเท่า Terra เลยอยากถามแบบแชร์ไอเดียนะครับว่า ที่พูดว่า Terra หนักกว่า FTX ล้มนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าเรามองแค่ตลาดบ้านเราให้ความสำคัญกับ Terra จนลืมมองว่า FTX นั้นเชื่อมโยงกับโครงสร้างพื้นฐานในตลาดสเกล global และสหรัฐมากกว่าหรือเปล่า”

“FTX จะนำมาซึ่งปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของระบบกระจายศูนย์ หรือ dencentralized นั่นก็คือ regulator”