ดีอีเอส ผนึก 16 แบงก์ เพิ่มช่องทางเตือนภัยออนไลน์ผ่านแอปธนาคาร

กระทรวงดีอีเอส 16 ธนาคาร แจ้งเตือนภัยออนไลน์ แอป ธนาคาร

“ดีอีเอส” เซ็นเอ็มโอยู 16 แบงก์ เพิ่มช่องทางแจ้งเตือนภัยออนไลน์ และเฟคนิวส์ผ่านแอปธนาคาร หวังเพิ่มความตระหนักรู้ให้ประชาชนรู้เท่าทันกลลวงอาชญากรรมออนไลน์-ลดความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์

วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้ร่วมเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การบูรณาการบริการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาการหลอกลวงทางสื่อออนไลน์ และการแจ้งเตือนภัยจากการหลอกลวงทางสื่อออนไลน์ และข่าวปลอมแก่ประชาชน ผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร

โดยมีศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอีเอส และธนาคารทั้ง 16 แห่ง ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว พร้อมด้วยนางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นสักขีพยาน

เพื่อร่วมกันเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชน เผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารที่ถูกต้องต่อประชาชน และสาธารณชน ผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารต่างๆ เป็นการเพิ่มช่องทางในการสร้างความตระหนักรู้เท่าทันการหลอกลวงออนไลน์ และข่าวปลอม ป้องกัน และยับยั้งการถูกหลอกลวง ลดความสูญเสียของประชาชนในการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ เป็นการขยายผลการดำเนินการป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการรู้เท่าทันมิจฉาชีพ จากการที่กระทรวงดีอีเอส ได้นำร่องจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับธนาคารกรุงไทยในการใช้แอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งมีประชาชนใช้งานกว่า 40 ล้านคน เป็นช่องทางแจ้งเตือนภัยออนไลน์ ในช่วงปลายปี 2565

โดยจะเชื่อมโยงข้อมูลจากฐานข้อมูลข่าวปลอม ของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (AFNC) ที่ดําเนินงานโดยกระทรวงดีอีเอส ไปยังแอปพลิเคชันของธนาคารต่างๆ เพื่อให้มีการเผยแพร่การแจ้งเตือนภัยจากการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงทางการเงิน หรืออาชญากรรมทางการเงิน (Financial Fraud) ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งทางออนไลน์ และข่าวปลอมแก่ประชาชน เพื่อให้รับทราบ และเท่าทันต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

สำหรับ 16 ธนาคารที่เข้าร่วมลงนามครั้งนี้ ประกอบด้วย

    1. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
    2. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
    3. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
    4. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
    5. ธนาคารเกียรตินาคินจำกัด (มหาชน)
    6. ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)
    7. ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)
    8. ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)
    9. ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน)
    10. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
    11. ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน)
    12. ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
    13. ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน)
    14. ธนาคารแห่งประเทศจีน (ไทย) จำกัด (มหาชน)
    15. ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน)
    16. ธนาคารออมสิน

โดยเป็นความร่วมมือของกระทรวงดีอีเอส ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และ 16 ธนาคาร ในการลดอาชญากรรมออนไลน์ ต่อเนื่องจากการที่กระทรวงดีอีเอส ได้ออกพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 มีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา

และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งรัดการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ โดยออกมาตรการต่างๆ อาทิ ธนาคารงดส่งลิงก์ทุกประเภทผ่าน SMS อีเมล, ธนาคารต้องแจ้งเตือนบน Mobile Banking ก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง, กสทช. และผู้ให้บริการโทรศัพท์ปิดกั้น SMS และเบอร์ Call Center รวมกว่า 167,000 เบอร์, สำนักงาน ปปง. ได้ส่งรายชื่อบุคคลพฤติกรรมเสี่ยงสูง หรือต้องเฝ้าระวัง กรณีบัญชีม้า (รหัส HR-03) ผ่านระบบให้ธนาคารเฝ้าระวัง


“การเผยแพร่การแจ้งเตือนภัยจากการหลอกลวงออนไลน์จะนำไปสู่การลดความสูญเสียของประชาชนในการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงประชาชนและเชื่อมั่นว่าการนําเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการนําข้อมูลดิจิทัลไปใช้ประโยชน์ เพื่อขับเคลื่อนกลไกการสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างยั่งยืนได้”นายชัยวุฒิ กล่าว