ยักษ์ ไบแนนซ์ งัดผลวิจัยโชว์ “คริปโต”ใช้พลังงานน้อยกว่าแบงก์ 19.4 เท่า

ยักษ์ Binance เผย “คริปโต”ใช้พลังงานน้อยกว่าธนาคารทั่วโลกถึง 19.4 เท่า ย้ำไม่ใช่ตัวการทำลายสิ่งแวดล้อม ระบุ 59% ของพลังงานที่ใช้ขุดบิทคอยน์ มาจากพลังงานหมุนเวียน

วันที่ 3 มิถุนายน 2566 รายงานข่าวจากไบแนนซ์ (Binance) ยักษ์ใหญ่ในวงการคริปโตเคอเรนซีโลก ระบุว่า ปัจจุบันเกิดข้อถกเถียงจนกลายเป็นความเชื่อในวงกว้างว่าคริปโตส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่แท้จริงแล้ว หากทุกคนได้ทราบถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง และลองเปรียบเทียบการใช้พลังงานของบล็อกเชนกับระบบอื่นๆ รวมถึงได้รับรู้ถึงความพยายามของผู้เล่นในอุตสาหกรรมคริปโตที่ต้องการลดรอยเท้านิเวศน์ (ecological footprint)

อย่างไรก็ตาม จุดเริ่มต้นของความเข้าใจผิด มาจากการเชื่อมโยงว่าคริปโตเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการขุดเหรียญที่ต้องใช้พลังงานมาก เนื่องจาก Bitcoin และโปรเจคอื่นๆ ต้องอาศัยกลไกที่เรียกว่า proof-of-work (PoW) ทำให้เหล่านักขุดต้องแก้ปริศนาซับซ้อนด้วยการใช้คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลัง แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล หากจะบอกว่าการใช้พลังงานจำนวนมากส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม

งานวิจัยของ Galaxy Digital ในปี 2021 เปิดเผยว่า ศูนย์ข้อมูลของธนาคารชั้นนำกว่า 100 แห่งทั่วโลกมีการปล่อยพลังงานมากกว่าเครือข่าย Bitcoin ถึง 2 เท่า และยังมีการประมาณการถึงปริมาณไฟฟ้าที่สูญเสียจากการนำส่ง และจ่ายไฟฟ้าต่อปีของธนาคารโลก และสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ สูงกว่าบล็อกเชน Bitcoin ถึง 19.4 เท่า เมื่อเทียบกับปริมาณที่ใช้ในช่วงเวลาเดียวกันเลยทีเดียว

และในรายงานของสภาการขุด Bitcoin (Bitcoin Mining Council) ในไตรมาส 2/2022 เปิดเผยว่า กว่า 59.5% ของพลังงานทั่วโลกที่ใช้ขุด Bitcoin มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ยิ่งกว่านั้น ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเซมิคอนดัคเตอร์ และเทคนิคการขุดสมัยใหม่ยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดการปล่อยมลพิษได้มากถึง 46% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี

นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานอ้างอิงเพิ่มเติมอีกว่าเหล่านักขุดคริปโตกำลังเริ่มหันมาใช้แหล่งพลังงานที่ยั่งยืน ส่งผลให้เกิดมลพิษน้อยลง แม้จะมีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นก็ตาม

ความร่วมมือกันระหว่างธุรกิจเหมืองคริปโต และผู้ผลิตพลังงานแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการลดการใช้พลังงาน เพื่อลดการผลิตพลังงาน สร้างความสมดุลระหว่างอุปสงค์ และอุปทาน ซึ่งจะส่งผลให้การใช้พลังงานส่วนเกินหมดไป โดยการวิจัยเปิดเผยให้เห็นว่าการขุดคริปโตช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน ด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียน พร้อมทั้งเป็นตัวอย่างสำคัญในการส่งเสริมผู้คนให้หันมาใช้พลังงานหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้นด้วย

สถาบันจัดอันดับคาร์บอนในคริปโต หรือ CCRI ได้ตรวจสอบผลกระทบของการเปลี่ยนผ่าน Ethereum และพบว่าการใช้พลังงานไฟฟ้าและปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ลดลงกว่า 99.9%

ขณะเดียวกัน งานวิจัยของศูนย์วิจัยด้านการเงินทางเลือกของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ แสดงให้เห็นว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้ารายปีของ Ethereum ในขณะนี้ เทียบเท่ากับการใช้เครื่องปรับอากาศ 587 เครื่องในหนึ่งปี และยังน้อยกว่าจำนวนการใช้พลังงานไฟฟ้าของบริษัทระดับโลก และตึกชื่อดังหลายแห่งรวมกัน

สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการอนุรักษ์พลังงานของ Ethereum ที่สร้างผลลัพธ์ที่ดีและชัดเจน แม้จะมีจำนวนการประมวลผลทางธุรกรรมสูงก็ตาม

นอกจากเรื่องคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เทคโนโลยีบล็อกเชนยังช่วยส่งเสริมด้านความยั่งยืนด้วยเช่นกัน จากการทำหน้าที่ในการติดตามและแสดงแหล่งที่มาของสินค้าต่างๆ เพื่อยืนยันว่าสินค้าเหล่านั้นถูกผลิตขึ้นอย่างยั่งยืนและมีจริยธรรม รวมถึงสร้างแรงจูงใจให้กับผู้บริโภคในการปฏิบัติตนให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งช่วยอำนวยความสะดวกในการเทรดแบบ peer-to-peer เพื่อให้ผู้บริโภคขายพลังงานแสงอาทิตย์ส่วนเกินให้กับเพื่อนบ้านได้โดยตรงอีกด้วย