ช้อปปี้ เขย่าไลฟ์คอมเมิร์ซ ชน TikTok หนุนร้านค้าอัดโปร

ช้อปปี้

ยักษ์อีคอมเมิร์ซ “ช้อปปี้” เขย่าสมรภูมิ “ไลฟ์คอมเมิร์ซ” ท้าชน TikTok เดินหน้าหนุน “ร้านค้า-แบรนด์สินค้า” ไลฟ์ขายมากขึ้นอัดฉีดโปรโมชั่น-ส่วนลดเอาใจขาช็อปออนไลน์ เพิ่มแคมเปญ “ดับเบิลเดท” ประเดิมไลฟ์สดมาราธอน 12 ชั่วโมง นำร่อง 9.9 พาร์ตเนอร์ร้านค้าโชว์ยอดปิดการขายเพิ่มเท่าตัว

สมรภูมิอีคอมเมิร์ซ โดยเฉพาะโซเชียลคอมเมิร์ซกลับมาคึกคักอีกครั้ง จากการปรากฏตัวของ “TikTok Shop” ที่ผสมผสานการขายสินค้าเข้ากับการนำเสนอคอนเทนต์ได้อย่างโดดเด่น ร่วมกับการอัดโปรโมชั่นต่าง ๆ ทำให้ทั้งพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์แห่ขึ้นไลฟ์ขายสินค้าบน TikTok shop ดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาซื้อสินค้าผ่านไลฟ์มากขึ้นด้วย แม้ฟีเจอร์ “ไลฟ์” และการไลฟ์ขายสินค้าจะไม่ใช่เรื่องใหม่

เพิ่มโฟกัสไลฟ์คอมเมิร์ซ

นางสาวสุชญา ปาลีวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด ช้อปปี้ ประเทศไทย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในปีนี้ถือได้ว่าเป็นปีที่มีความท้าทายในหลายแง่มุม หลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จบลง ทั้งความไม่แน่นอนว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งช้อปปี้ต้องการผลักดันสิ่งใหม่ ๆ ให้สอดรับกับกระแสตลาด และความต้องการของผู้ใช้งาน ล่าสุดได้กลับมาให้น้ำหนักกับการผลักดัน “Shopee Live” ฟีเจอร์ไลฟ์ขายสินค้ามากขึ้น

“เราเริ่มทำฟีเจอร์ live shopping เมื่อ 3-4 ปีก่อน ตอนนั้นคนไทยยังไม่คุ้นเคยเท่าไร ส่วนใหญ่จะดูไลฟ์เพื่อความบันเทิงมากกว่า กระทั่งมีคุณพิมรี่พายโลกก็เปลี่ยนไป คนเข้าใจการซื้อของผ่านไลฟ์มากขึ้น เราเองก็ยังกลับมาผลักดัน ช้อปปี้ไลฟ์มากขึ้น โดยมีการจัดรายการไลฟ์ขายของในช่วง 2 ทุ่มของทุกวัน บนแอปช้อปปี้ เมื่อ 1-2 เดือนที่แล้ว ทำให้คนกลับมาใช้งานมากขึ้น ถ้าทำแบบนี้เมื่อ 3-4 ปีที่แล้วอาจไม่เกิดเหมือนตอนนี้ ดังนั้น จึงต้องอาศัยจังหวะเวลาที่ใช่ ส่วนการเข้ามาของคู่แข่ง มองว่าเป็นเรื่องดีที่ช่วยให้อีคอมเมิร์ซมีสีสันมากขึ้น”

สำหรับกลยุทธ์ในการผลักดัน “ไลฟ์คอมเมิร์ซ” ของช้อปปี้ จะเริ่มจากการสนับสนุน “ไลฟ์สตรีมเมอร์” ที่มีทั้งผู้ขาย (seller) ที่ไลฟ์ขายสินค้าเอง และ KOL ที่นำสินค้าของคนอื่นมาไลฟ์ขาย เพื่อกระตุ้นการใช้งานในฝั่งผู้ซื้อ (buyer) มากขึ้น จากที่ผ่านมาอาจไม่คุ้นเคยกับการซื้อสินค้าผ่านไลฟ์มากนัก

“ฝั่งผู้ขายแบ่งเป็น 2 ส่วน คือกลุ่มที่เชี่ยวชาญมาก กับกลุ่มที่ยังไม่ค่อยกล้าเท่าไร กลุ่มแรกเราไม่ต้องไปยุ่งอะไรมาก ส่วนกลุ่มที่สองจะเป็นการหาวิธีการ หรือเครื่องมือต่าง ๆ เข้ามาช่วยให้ไลฟ์ได้ ส่วนฝั่งผู้ซื้อก็อาจเป็นเรื่องแปลกใหม่เช่นกัน จากที่เคยกดค้นหาบนแอปพลิเคชั่น ก็เข้ามาซื้อบนไลฟ์แทน เราใช้จุดแข็ง ๆ ทั้งเรื่องการทำโปรโมชั่นเข้ามาซัพพอร์ต ทำให้มีผู้ใช้ขาประจำเข้ามาดูไลฟ์ทุกวัน ตอน 2 ทุ่มเพิ่มมากขึ้นมาก”

Advertisment
สุชญา ปาลีวงศ์
สุชญา ปาลีวงศ์

เติมสีสัน “ดับเบิลเดท”

นางสาวสุชญากล่าวด้วยว่า อีกสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญไม่แพ้กัน คือแคมเปญ “ดับเบิลเดท” หรือโปรโมชั่นวันเลขคู่ที่ทำมาอย่างต่อเนื่องจนถือได้ว่าเป็น first mover จากที่ช่วงแรกที่มีเพียง 9.9, 11.11 และ 12.12 ก็ค่อย ๆ ขยับมาเป็นรายไตรมาส และใน 2 ปีมานี้กลายเป็นแคมเปญที่มีทุกเดือนทำให้ในมุมผู้ใช้งานอาจเคยชินจนไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนแต่ก่อน ช้อปปี้จึงต้องปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างความพิเศษให้แคมเปญดับเบิลเดท ด้วยการเลือกสร้างธีมเฉพาะให้กับแคมเปญในแต่ละเดือน เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมให้กับผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม เช่น ดับเบิลเดท 6.6 ที่ผ่านมา จะเป็นธีมของสินค้าแฟชั่น เป็นต้น

“สิ่งที่นักการตลาดไม่อยากให้เกิดขึ้น คือคนลืม หรือไม่สนใจแคมเปญ เราจึงลองสร้างธีมในแต่ละเดือนขึ้นมาเป็นการเฉพาะ รวมถึงดึงฟีเจอร์ต่าง ๆ เข้ามาเพิ่ม เช่น การนำฟีเจอร์ไลฟ์มาผสม แจกโค้ดส่วนลด 50% ในไลฟ์ เพื่อให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกว่าเป็นแคมเปญดับเบิลเดทธรรมดา ๆ เพื่อสร้างสีสัน และเพิ่มประสบการณ์ในการใช้งาน”

Advertisment

สำหรับแคมเปญ 9.9 ในเดือนหน้า ซึ่งจะเป็นการเปิดประตูสู่ end of year sale ด้วย ช้อปปี้ได้เตรียมส่วนลดมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านบาท ครอบคลุมสินค้าทุกหมวดหมู่ และผสมผสานความบันเทิงเข้ากับการซื้อสินค้าบน

แพลตฟอร์ม โดยจะมีกิจกรรม Shopee 9.9 Game Show ฟังร้อง ได้ล้าน และไลฟ์แบบมาราธอนต่อเนื่อง 12 ชั่วโมง (Shopee Live Marathon) เอาใจนักช็อปที่ชอบซื้อสินค้าผ่านการรับชมไลฟ์ และผลักดันให้ร้านค้าลองขายสินค้าผ่านฟีเจอร์ Shopee Live อีกทาง

โชว์ระบบหลังบ้าน

ช้อปปี้ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบหลังบ้านอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาแอปพลิเคชั่น ระบบการจ่ายเงิน และโลจิสติกส์ เพราะไม่ว่าจะทำแคมเปญถูกใจผู้บริโภคมากแค่ไหน หรือแจกโค้ดส่วนลดไปเท่าไร ถ้าระบบหลังบ้านไม่รองรับก็จะมีผลกับประสบการณ์ในการใช้งานของลูกค้า

“อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการพัฒนาระบบหลังบ้านให้ดี ยิ่งการแข่งขันมากขึ้น ยิ่งต้องดูทุกอย่างที่เกี่ยวกับประสบการณ์การใช้งาน เราลงทุนกับส่วนนี้เยอะมาก และใช้เวลานาน เพราะมองว่าเป็นเรื่องที่สำคัญในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

ทำให้เราไม่กลัวการเข้ามาของคู่แข่ง เรื่องการตลาดเป็นเรื่องแฟนซีที่ปรับเปลี่ยนได้ตลอด แคมเปญต่าง ๆ เป็นเหมือนหมัดฮุกคอยดึงคนเข้ามาใช้งาน แต่ระบบหลังบ้านส่งผลต่อการเติบโตในระยะยาว เหมือนการสร้างทางด่วนหรือเขื่อนให้แข็งแรง ไม่ว่าหน้าตาแอปหรือแคมเปญจะเปลี่ยนไปอย่างไร เราอยู่ในโลกที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพย์เมนต์ การใช้วอลเลต หรือการส่งของแบบด่วน กลายเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตไปแล้ว”

นอกจากนี้ ยังเดินหน้านำเสนอความคุ้มค่าให้ผู้บริโภคผ่านโปรโมชั่นส่วนลดราคาสินค้า และฟรีค่าจัดส่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาระดับการเติบโต จึงไม่มีข้อกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์กำลังซื้อในปัจจุบันแต่อย่างใด เพราะมองว่าผู้บริโภคจะตัดสินใจได้ว่าคุ้มหรือไม่

“เราโฟกัสการให้ความคุ้มค่ากับผู้ใช้งานเป็นหลัก สอดคล้องกับจุดแข็งเรื่องการทำโปรโมชั่น เพราะความคุ้มค่าเป็นเรื่องที่มาพร้อมโปรโมชั่นอยู่แล้ว ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร หรือคนจะมีฐานะแบบใด ยังไงเขาก็ต้องการของที่ดีหรือคุ้มค่า เรายัง focus on growth ที่ต้องดึงทั้งผู้ใช้งาน ทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขายให้อยู่กับเราต่อ”

ไลฟ์สดเพิ่มโอกาสการขาย

ด้านนางสาววริศรา ประภาพยืนยง เจ้าของแบรนด์ชุดชั้นในกระชับสัดส่วน Up & Under เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การ “ไลฟ์” ขายสินค้าทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติเป็นเท่าตัว จากเดิมอัตราการปิดการขายของสินค้าในหมวดแฟชั่นที่อยู่บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจะอยู่ที่ 3-5% กล่าวคือทุก 100 คนที่เข้ามาดูซื้อสินค้าจะตัดสินใจซื้อ 3-5 คน แต่ในจำนวนเท่ากันที่เข้ามาดูไลฟ์จะขายได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ทั้งการไลฟ์ยังช่วยให้ลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ รู้จักสินค้ามากขึ้นด้วย

“สินค้าของเราเป็นชุดชั้นในกระชับสัดส่วน การไลฟ์กระตุ้นยอดขายได้ดีมาก ๆ เพราะช่วยให้เรามีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้ามากขึ้น ตอบข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ทันที เราโชว์ได้ว่าก่อนและหลังใช้สินค้าให้ผลลัพธ์ต่างกันอย่างไร หรือช่วงที่มีแคมเปญใหญ่ ๆ อย่าง 6.6 หรือ 9.9 ที่มีอินฟลูเอนเซอร์มาร่วมไลฟ์ก็ยิ่งดี เราทำแบนเนอร์โปรโมตได้ แฟนคลับของอินฟลูเอนเซอร์นั้น ๆ ก็จะมากดแจ้งเตือนไว้ ทำให้มีคนเข้ามารับชมไลฟ์มากขึ้น เพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนเป็นยอดขายได้”