บิ๊กเทค AI แข่งดุ ลุยตลาดลูกค้าองค์กร

ChatGTP
ChatGTP
คอลัมน์ : Tech Times
ผู้เขียน : มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ

โลกเทคโนโลยีตอนนี้ยังคงวนเวียนอยู่กับสมรภูมิ AI ล่าสุด OpenAI ขยับจากการให้บริการสาธารณะมาเป็นการเปิดบริการ ChatGPT Enterprise เพื่อเจาะลูกค้าองค์กรพร้อมชูประเด็นการเก็บรักษาข้อมูลของลูกค้า

โดยบริษัทเคลมว่าบริการนี้มาคู่กันกับระบบการรักษาความปลอดภัยระดับองค์กรและ ChatGPT เวอร์ชั่นที่ทรงประสิทธิภาพในการช่วยงานต่าง ๆ ตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย รวมทั้งการันตีด้วยว่าจะไม่มีการนำข้อมูลของลูกค้ามาใช้ “เทรน” AI เด็ดขาด ทำให้มั่นใจได้ถึงข้อมูลดิบที่ถูกป้อนเข้าระบบจะไม่ถูกแชร์หรือหลุดรอดไปยังบุคคลภายนอก

CNN รายงานว่า ตอนนี้มีบริษัทชั้นนำที่ประเดิมใช้งานกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ฟินเทค Block แบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำอย่าง Estee Lauder และบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ PwC

ก่อนหน้านี้ OpenAI เคยเปิดเผยว่า 80% ของพนักงานในบริษัท Fortune 500 มีการใช้งาน ChatGPT อยู่แล้ว แต่ว่ามีบางองค์กร (เช่น JPMorgan) ที่ยังไม่มั่นใจในเรื่องการรักษาความปลอดภัย เลยสั่งห้ามพนักงานไม่ให้ใช้ ChatGPT ในที่ทำงาน ดังนั้น ChatGPT Enterprise จึงถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ

แน่นอนว่า OpenAI ไม่ใช่ผู้ให้บริการ AI เจ้าเดียวที่ต้องการเจาะตลาดลูกค้าองค์กร

เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Microsoft ก็เปิดตัวบริการ Bing Chat Enterprise ออกมา โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยเช่นกัน แต่บริษัทยังคงทุ่มเงินลงทุนหลายพันล้านเหรียญใน OpenAI เหมือนเดิม ทำให้คนที่ตามข่าวก็จะงงนิดหน่อยเกี่ยวกับความความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เพราะด้านหนึ่งก็เป็นคู่แข่งกัน อีกด้านหนึ่งก็อยู่ในฐานะนักลงทุนกับสตาร์ตอัพ เลยไม่แน่ใจว่าจะส่งผลต่อการแข่งขันในอนาคตอย่างไร

นอกจากนี้ ยังมีบิ๊กเทคอีกรายที่ซุ่มทุ่มงบประมาณหลายร้อยล้านเหรียญในการพัฒนาบริการอยู่เงียบ ๆ

The Information รายงานว่า Apple เป็นบิ๊กเทคอีกรายที่ไม่อยากตกขบวนสงคราม AI และตอนนี้มีทีมงานหลายทีมที่กำลังคร่ำเคร่งกับการพัฒนา AI อย่างหนัก โดยมีทีมที่รับผิดชอบการพัฒนา “Foundational Model” ที่เน้นการให้บริการแชตบอต โดยทีมนี้มี จอห์น เจียนนันเดรีย หัวหน้าแผนก AI ของ Apple ลงมาเป็นหัวหอกด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมีทีม Visual Intelligence ที่กำลังพัฒนา “Image Generation Model” ด้วย

แหล่งข่าวของ The Information บอกว่า Large Language Model (LLM) ของ Apple ซึ่งมีชื่อเรียกภายในว่า Ajax GPT นั้น มีประสิทธิภาพกว่า ChatGPT-3.5 ของ OpenAI โดยมีการใช้ Parameters กว่า 2 แสนล้านรายการในการเทรน

อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่ดูจะใกล้ตัวเราหน่อย คือ เมื่อเร็ว ๆ นี้ แซม อัลท์แมน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ OpenAI ได้กลายเป็นชาวต่างชาติรายแรกที่ได้รับ “Golden Visa” จากรัฐบาลอินโดนีเซีย โดยอินโดนีเซียมุ่งหวังว่า การผูกสัมพันธ์กับแซม อัลท์แมน จะเป็นการส่งสัญญาณให้ชาวโลกรู้ว่าอินโดนีเซียพร้อมและมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างจริงจัง

“Golden Visa” คือ เป็นหนึ่งในสิทธิประโยชน์เพื่อจูงใจนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในอินโดนีเซีย โดยมีการมอบให้กับนักธุรกิจและนักลงทุนหลายประเภท

สำหรับวีซ่าที่มอบให้แซม อัลท์แมน นั้น จัดอยู่ในประเภทบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่อาจทำประโยชน์ให้กับอินโดนีเซียได้ โดยมีอายุวีซ่า 10 ปี และจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ตั้งแต่พิธีการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ไปจนถึงสิทธิในการอยู่ในประเทศได้นานกว่าวีซ่าปกติ

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา อินโดนีเซีย เป็น 1 ในประเทศที่แซม อัลท์แมน เลือกมาเยือนในเอเชีย

ประเทศอื่น ๆ ได้แก่ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน อินเดีย และ เวียดนาม

ลองถาม Bing ว่า เขามาไทยด้วยรึเปล่า เผื่อว่าเราอาจหาข้อมูลไม่ครบ

Bing เงียบไปพักหนึ่ง หลังจากค้นทั่วเน็ต แล้วตอบว่า ไม่พบข้อมูลว่าเขามาเมืองไทย แต่ให้กำลังใจว่า เขาอาจจะมากรุงเทพฯในอนาคตก็ได้ พร้อมปิดประโยคด้วยอิโมจิ ชูสองนิ้วไขว้กัน