เทรนด์ออกกำลังกายไม่แผ่ว Garmin รายได้นิวไฮ ยอดขายในไทยสูงกว่าตลาดโลก

นางสาวมิสซี่ ยาง

Garmin เผยรายได้ไตรมาส 1/2567 ทำจุดสูงสุดใหม่ โต 20% ขณะที่ยอดขายในไทยโต 25% กิจกรรมออกกำลังกายโต 39% ลุยขยายตลาดกลุ่มไลฟ์สไตล์สุขภาพ (Wellness) เพิ่ม

วันที่ 7 พฤษภาคม 2567 นางสาวมิสซี่ ยาง ผู้อำนวยการประจำ การ์มิน ประเทศไทย กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 1/2567 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ครั้งใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยยอดรับรู้รายได้สูงถึง 1,380 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 49,680 ล้านบาท เติบโตกว่า 20% ในขณะที่รายได้ในไทยเติบโตกว่า 25% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งนับว่าสูงกว่าตลาดรวม

ทั้งสถิติการทำกิจกรรม (Activity) จาก Garmin Connect เฉลี่ยต่อเดือนเติบโตขึ้นกว่า 39% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และยังพบว่าจะมีการทำ Activity สูงขึ้นเป็นพิเศษในช่วงที่มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า กระแสการออกกำลังกายในไทยยังคงเติบโต เพียงแต่ต้องการผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เข้ามาช่วยกระตุ้น อีกทั้งคนไทยยังมีกำลังซื้อ และให้ความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของ Garmin

“นอกจากนั้นแล้วเรายังมีกลยุทธ์การขยายธุรกิจแนวดิ่ง (Vertical Integration) ซึ่งหมายถึงการที่ Garmin เป็นผู้ดำเนินการเองทั้งกระบวนการ ตั้งแต่การพัฒนาด้านวิศวกรรม การผลิต การตลาด ตลอดจนการให้บริการ เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรของเรา ทำให้เราสามารถควบคุมคุณภาพทั้งสายการผลิต และเพิ่มความสามารถในการปรับตัวอย่างรวดเร็ว เท่าทันอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต”

“สำหรับประเทศไทย เรามีการตั้งสำนักงานที่นี่ตั้งแต่ปี 2564 เป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่งเพื่อการบริการในท้องถิ่นและการเรียนรู้ตลาดให้ดียิ่งขึ้น ทำให้เราสามารถส่งมอบบริการหลังการขายที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าของเรา โดยการขยายเวลารับประกันสินค้านาน 2 ปีสำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าเราตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา”

Advertisment

นอกจากนี้ยังได้พัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องและล่าสุด Garmin สมาร์ทวอทช์ได้รับใบอนุญาตการใช้งานเครื่องมือแพทย์จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาในเรื่องการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจด้วยแอปพลิเคชั่น (ECG App) เป็นที่เรียบร้อย ฟีเจอร์การตรวจคลื่นหัวใจไม่ได้อยู่ในอุปกรณ์ทุกรุ่นทุกราคา แต่ทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์จะมีเครื่องที่มีฟีเจอร์นี้

เจาะกลุ่มลูกค้า Wellness ขยายฐานผู้ใช้

ด้านนางสาวหรรษา อาภานุกูล ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การตลาด การ์มิน ประเทศไทย กล่าวถึงทิศทางการตลาดของการ์มินในปีนี้ว่า นอกจากจะรักษาการเติบโตกลุ่มผลิตภัณฑ์กีฬาเฉพาะด้าน และ Outdoor ซึ่งเป็นที่นิยมในไทยแล้ว ปีนี้จะโฟกัสขยายกลุ่มผู้ใช้ไปยังคนทั่วไปที่ไม่ได้ต้องการออกกำลังกายอย่างเดียว แต่มีความเป็นไลฟ์สไตล์ทางสุขภาพ (Wellness) มากขึ้น จะเห็นว่าไลน์อัพผลิตภัณฑ์กลุ่ม Wellness สามารถสวมใส่ในชีวิต และมีความสไตลิสต์เข้ากับการแต่งตัวในชีวิตประจำวันได้ดี

กลุ่มสินค้าที่ Garmin มีอยู่ ทั้งกลุ่มเวลเนส (Wellness) เอาต์ดอร์ (Outdoor) และกีฬาเฉพาะด้าน (Specialty) พบว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สินค้ากลุ่มเอาต์ดอร์ เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มผู้ใช้ชาวไทยคิดเป็น 48% รองลงมาเป็นสินค้ากลุ่มกีฬาเฉพาะด้านคิดเป็น 32% ส่วนสินค้ากลุ่มเวลเนสคิดเป็น 20%

“ในปีนี้กลุ่มสินค้าเวลเนสจึงเป็นโจทย์ของเราในการทำลายภาพจำเดิมที่ผู้บริโภคมีต่อ Garmin ในฐานะสมาร์ทวอทช์สำหรับนักกีฬาและมืออาชีพ ด้วยการสื่อสารการตลาดที่เข้าใกล้ผู้บริโภคชาวไทยมากขึ้น และทำให้ผู้บริโภคเชื่อว่า Garmin คือ สมาร์ทวอทช์ที่เข้าใจคุณและเป็นสมาร์ทวอทช์สำหรับทุกคน (Garmin is what you want)”

Advertisment

Garmin จึงรีเฟรชแบรนด์ ด้วยการสื่อสารผ่านเมสเสจ Be More, Beat Yesterday ที่ยังคงให้ความสำคัญกับการเชิญชวนให้ทุกคนออกไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ และเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นในทุกวัน แต่เปลี่ยนวิธีคิด และปรับมุมมองกลุ่มเป้าหมายใหม่ เพื่อทำการสื่อสารการตลาดให้ตรงกับแต่ละกลุ่มอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น โดยแบ่งเป็น

(1) กลุ่มมือใหม่ (Beginner) คือกลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มหันมาสนใจดูแลสุขภาพและเริ่มต้นออกกำลังกาย

(2) กลุ่มรักสุขภาพ (Health Concern) คือกลุ่มคนที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และ

(3) กลุ่มนักกีฬา (Athlete) หรือกลุ่มที่มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพเพื่อพิชิตสถิติหรือเป้าหมายใหม่ ๆ