ทินเดอร์เตรียมใช้ระบบยืนยันตัวตนทั่วโลก ปลายปีนี้

ทินเดอร์เปิดระบบยืนยันตัวตน

ทินเดอร์เดินหน้าพัฒนาระบบยืนยันตัวตนแบบ ID Verification คาดเริ่มใช้งานได้ทั่วโลกพร้อมใช้ในไตรมาส 4 ปีนี้ เพิ่มความปลอดภัยในการหาคู่

วันที่ 17 สิงหาคม 2564 “รอรี โคซอลล์” หัวหน้าฝ่าย Trust & Safety Product ของทินเดอร์ กล่าวว่า การยืนยันตัวตนแบบ ID Verification เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและมีรายละเอียดมาก จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงใช้แนวทางการทดสอบและเรียนรู้ควบคู่กับไปกับการพัฒนาเรื่องดังกล่าว เพราะเรารู้ว่าหนึ่งในหลายสิ่งสำคัญที่ทินเดอร์สามารถทำให้สมาชิกรู้สึกปลอดภัย คือ การทำให้พวกเขามั่นใจว่าได้แมตช์กับคนที่มีตัวตนจริง ๆ และควบคุมได้มากขึ้นว่าจะทำความรู้จักกับใคร

ทั้งนี้หวังว่าผู้ใช้ทินเดอร์ทั่วโลกจะเห็นถึงประโยชน์ในการทำความรู้จักกับคนที่ผ่านระบบการยืนยันตัวตนดังกล่าว และพวกเรารอวันที่ผู้ใช้ทินเดอร์มีการยืนยันตัวตนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งคาดว่าการยืนยันตัวตนแบบ ID Verification จะเปิดให้ใช้บริการได้ทั่วโลกปลายปีนี้

 

สำหรับทินเดอร์ถือเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมความปลอดภัยในการเดตออนไลน์ จากการสร้างฟีเจอร์ Swipe หรือการปัด เพื่อเลือกสร้างความสัมพันธ์ที่ถูกสร้างขึ้นจากเทคโนโลยี double opt-in technology โดยจะต้องมีการยินยอมร่วมกันของทั้งสองฝ่ายก่อนจะมีการเชื่อมต่อ

โดยในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ทินเดอร์ได้พัฒนามากกว่า 10 ฟีเจอร์หลัก ที่ใช้การลงทุนเชิงลึกด้านเทคโนโลยีช่วยลดการไม่เปิดเผยตัวตน เพิ่มความน่าเชื่อถือ และมีความปลอดภัยในการใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น การยืนยันตัวตนด้วยภาพถ่าย (Photo Verification) และวิดีโอแชต (Face to Face video chat)

ขณะเดียวกัน “เทรซี่ เบรเดนท์” รองประธานบริหารฝ่าย Safety and Social Advocacy ของ Match Group กล่าวว่า ทินเดอร์ได้รู้ว่าในหลายส่วนของโลกและในกลุ่มของผู้ที่ถูกกีดกันทางสังคม อาจมีเหตุผลไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ การสร้างทางออกที่เท่าเทียมกันอย่างแท้จริงด้วยยืนยันตัวตนด้วย ID Verification จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมาก ซึ่งเราต้องการความเห็นจากสมาชิกรวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญในการช่วยพัฒนาเรื่องนี้

 

“ก่อนหน้านี้ ทินเดอร์ได้เปิดใช้การยืนยันตัวตนผ่าน ID Verification เป็นครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อปี 2562 และได้ใช้การเรียนรู้จากฟีดแบ็กที่ได้รับเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจครั้งนี้ ทินเดอร์ยังคงลงทุนด้านความปลอดภัยและทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความมุ่งมุ่นที่เป็นส่วนหนึ่งของ Match Group ซึ่งก่อนหน้านี้ได้การประกาศลงทุนกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาบุคลากร เทคโนโลยีในปี 2564”