เปิดวิสัยทัศน์ เจ้าพ่อเฟซบุ๊ก ทำไมต้อง Meta

เปิดวิสัยทัศน์ เจ้าพ่อเฟซบุ๊ก ทำไมต้อง Meta

“มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก” เปิดวิสัยทัศน์ ยุคเมตาเวิร์ส อีกขั้นของการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือแบบไฮบริด พร้อมเปิดตัวชื่อบริษัทใหม่ Meta หวังช่วยเชื่อมโยงเชื่อมโลกออนไลน์ ออฟไลน์ของผู้คนทั่วโลก

วันที่ 29 ตุลาคม 2564 นายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก (Facebook) ได้ประกาศวิสัยทัศน์ในงานประชุม Connect 2021 ว่า เมตาเวิร์สจะเป็นยุคต่อไปของการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะมอบประสบการณ์การใช้โซเชียลมีเดียบนโลกออนไลน์ในปัจจุบันในรูปแบบไฮบริด

โดยจะเป็นการขยายประสบการณ์สู่รูปแบบสามมิติ หรือมีการแสดงภาพสู่โลกแห่งความจริง สิ่งนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถแชร์ประสบการณ์โลกเสมือนจริงแก่ผู้อื่นได้แม้ในขณะที่พวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกัน รวมถึงทำกิจกรรมที่ไม่สามารถทำร่วมกันในโลกความจริงได้อีกด้วย

“ผมรู้สึกภูมิใจในสิ่งที่พวกเราได้สร้างขึ้น และรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิด ในเส้นทางที่ก้าวข้ามความเป็นไปได้ของปัจจุบัน ข้ามข้อจำกัดของหน้าจอ ข้ามข้อจำกัดของระยะทางและเรื่องทางกายภาพ ไปสู่โลกแห่งอนาคตที่ทุก ๆ คนจะอยู่ตรงหน้ากันได้ สร้างโอกาสใหม่ ๆ และได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ไปด้วยกัน นี่ถือเป็นโลกอนาคตที่เกินกว่าที่บริษัทเพียงบริษัทเดียวจะทำได้ แต่ทุกคนจะร่วมสร้างด้วยกัน”

ขณะเดียวกันได้เปิดตัว Meta ซึ่งเป็นการผสมผสานแอปพลิเคชั่นในเครือของ Facebook เข้ากับเทคโนโลยีต่าง ๆ ภายใต้ชื่อใหม่ของบริษัท โดยบริษัทมีความมุ่งมั่นในการผลักดันเมตาเวิร์ส (metaverse) สู่การใช้งานในชีวิตจริง และช่วยเหลือผู้คนในการเชื่อมต่อกัน ค้นหาชุมชน และพัฒนาธุรกิจให้เติบโต

สำหรับเมตาเวิร์สเป็นตัวอย่างล่าสุดในการพัฒนาเทคโนโลยีของ Meta เพื่อช่วยเหลือผู้คนในการเชื่อมต่อกัน ค้นหาชุมชน และเติบโตไปด้วยกัน เมื่อ Facebook ได้เปิดตัวขึ้นในปี 2547 ผู้คนได้เปลี่ยนแปลงวิธีการในการเชื่อมต่อ รวมถึงแอปพลิเคชั่นอย่าง Messenger และ Instagram ก็ได้มอบพลังในการเชื่อมต่อให้กับผู้คนอีกจำนวนหลายพันล้านคนทั่วโลก

ตอนนี้ Meta กำลังก้าวข้ามการใช้งานบนจอแบบสองมิติ สู่ประสบการณ์โลกเสมือนจริง เช่น เทคโนโลยี Augmented reality และ Virtual reality นับเป็นการสร้างวิวัฒนาการยุคต่อไปของเทคโนโลยีโซเชียลมีเดียอีกมากมาย และเป็นการนำบริษัทก้าวไปอีกขั้น

ขณะเดียวกันบริษัทยังได้เปิดตัวเครื่องมือใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้ผู้คนสร้างประสบการณ์เมตาเวิร์สได้ เช่น Presence Platform ที่จะทำให้การสร้างประสบการณ์โลกความจริงแบบผสมผสาน (Mixed reality experiences) เกิดขึ้นได้บน Quest 2 รวมถึงขั้นต่อไปของบริษัทที่จะใช้ศักยภาพสูงสุดของเมตาเวิร์สในอนาคต รวมถึงการลงทุนกว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ ในโครงการการอบรมแบบครบทุกมิติสำหรับครีเอเตอร์รุ่นใหม่ ๆ

“ในปัจจุบัน แบรนด์ของเราถูกเชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์เดียวของบริษัทเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้ไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เรากำลังทำอยู่ในทุกวันนี้ รวมถึงในอนาคต และเมื่อเวลาผ่านไป หวังว่าเราจะถูกจดจำในฐานะบริษัทด้านเมตาเวิร์ส และต้องการที่จะประกาศให้ผู้คนได้ทราบเกี่ยวกับการดำเนินงานและตัวตนที่เรากำลังดำเนินไป”