
เมตาเวิร์ส (Metaverse) กลายเป็นคำที่ถูกพูดถึงอย่างรวดเร็วในกลุ่มนักลงทุนและบริษัทต่าง ๆ หลังเฟซบุ๊กประกาศรีแบรนด์ ลุยสร้างเมตาเวิร์ส
วันที่ 21 ตุลาคม 2564 กรณี บริษัท เฟซบุ๊ก อิงค์ เจ้าของแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ วางแผนรีแบรนด์บริษัทด้วยการเปลี่ยนชื่อใหม่ในสัปดาห์หน้า โดยมุ่งเน้นไปในเรื่อง “เมตาเวิร์ส” หรือโลกดิจิทัล ที่ผู้คนสามารถโต้ตอบและใช้พื้นที่เสมือนจริงร่วมกันได้
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเฟซบุ๊ก วางแผนจะประกาศเรื่องนี้ในการประชุม Connect วันที่ 28 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ ส่งผลให้แนวคิดของ “เมตาเวิร์ส” กลายเป็นคำศัพท์ทางเทคโนโลยีและธุรกิจอย่างรวดเร็ว
“ประชาชาติธุรกิจ” ชวนทำความรู้จักศัพท์ใหม่ในวงการเทคโนโลยี ก่อนหน้าการรีแบรนด์ของเฟซบุ๊ก
เมตาเวิร์ส (Metaverse) คืออะไร ?
นอกจากจะหมายถึงโลกเสมือนจริง ที่ผู้คนต่างหลบหนีจากโลกแห่งความเป็นจริงที่บิดเบี้ยว ตามที่ “นีล สตีเฟนสัน” นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ได้นิยามไว้
รอยเตอร์ส ยังระบุว่า เมตาเวิร์ส (Metaverse) เป็นคำที่กว้าง โดยทั่วไปหมายถึงการแบ่งปันสภาพแวดล้อมของโลกเสมือนจริงของผู้คนผ่านทางอินเทอร์เน็ต อีกทั้งยังหมายถึงพื้นที่ดิจิทัล ซึ่งถูกสร้างให้เหมือนจริงมากยิ่งขึ้น โดยการใช้ความเป็นจริงเสมือน (VR) หรือเทคโนโลยีโลกเสมือนผสานโลกแห่งความจริง (AR)
บางคนยังใช้คำว่า เมตาเวิร์ส ในการอธิบายโลกของเกม ที่ซึ่งผู้เล่นสามารถบังคับตัวละครให้เดินไปรอบ ๆ และโต้ตอบกับผู้เล่นคนอื่นได้ นอกจากนี้ยังมีการใช้เมตาเวิร์สเฉพาะกับเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งผู้ใช้งานสามารถครอบครองที่ดินเสมือนจริงและสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ได้ โดยใช้สกุลเงินดิจิทัลแทน
- ธปท.ออกไกด์ไลน์การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนให้บริการทางการเงิน
- ครั้งแรกในเอเซีย SCB 10X มีส่วนร่วมใน DeFi ตรวจสอบธุรกรรมบนบล็อกเชน
ทำไมถึงได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว ?
บรรดาแฟนของเมตาเวิร์ส มองว่าสิ่งนี้เป็นก้าวต่อไปของการพัฒนาโลกอินเทอร์เน็ต
เพราะขณะนี้ ผู้คนโต้ตอบกันทางออนไลน์โดยการไปที่เว็บไซต์ เช่น แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือการใช้แอปพลิเคชันรับส่งข้อความ แนวคิดของเมตาเวิร์ส คือ การสร้างพื้นที่ออนไลน์ใหม่ ซึ่งการมีปฏิสัมพันธ์ของผู้คนจะสามารถมีหลากหลายมิติมากยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้งานสามารถดำดิ่งไปกับโลกดิจิทัลได้มากกว่าเพียงแค่การนั่งดู
ความสนใจที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเมตาเวิร์สนี้ เห็นได้จากผลลัพธ์ของการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 เมื่อผู้คนต้องทำงานหรือเรียนผ่านทางออนไลน์ ความต้องการที่จะมีปฏิสัมพันธ์ทางออนไลน์ให้เสมือนชีวิตจริงก็มากขึ้นตามไปด้วย
บริษัทที่ใช้เมตาเวิร์ส
แนวคิดของเมตาเวิร์ส ได้รับความสนใจอย่างมากจากกลุ่มนักลงทุนและบริษัทต่าง ๆ ที่กระตือรือร้นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของก้าวที่ยิ่งใหญ่นี้
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กล่าวในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่าจะพยายามเปลี่ยนบริษัทโซเชียลมีเดียให้กลายเป็นบริษัทเมตาเวิร์ส ในอีกห้าปีข้างหน้า
เมตาเวิร์ส ยังเป็นที่นิยมในซิลิคอน วัลเลย์ โดยที่บริษัทไอทียักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ ได้กล่าวถึงว่าเป็นการบรรจบกันระหว่างโลกดิจิทัลและโลกความเป็นจริง
เกมสำหรับเด็กยอดนิยมอย่าง Roblox ซึ่งเปิตตัวในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กเมื่อเดือนมีนาคม ได้เรียกตัวเองว่าเป็นบริษัทเมตาเวิร์ส ด้ามเกม Fortnite ของบริษัท Epic Games ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเมตาเวิร์สเช่นกัน
“นักดนตรีสามารถจัดคอนเสิร์ตเสมือนจริงได้ภายในแพลตฟอร์มเหล่านี้ ยกตัวอย่างเช่น ในเดือนกันยายน ผู้คนกว่าล้านคนได้รับชมคอนเสิร์ตของนักร้องหญิง Ariana Grande ซึ่งถูกแสดงอย่างเสมือนจริงในเกม Fortnite”
นอกจากนี้ บริษัทแฟชั่นที่ใหญ่ที่สุดในโลกเองก็ได้ลองทำเสื้อผ้าเสมือนจริงด้วย ซึ่งร่างจำลองของผู้คนสามารถสวมใส่เสื้อผ้าได้ในโลกเมตาเวิร์ส
เฟซบุ๊ก แนวหน้าแห่งโลกเมตาเวิร์ส
วันที่ 27 กันยายน 2564 รอยเตอร์ส รายงานว่าบริษัทเฟซบุ๊ก จะทุ่มทุน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเป็นพันธมิตรกับองค์กรต่าง ๆ ในการสร้างเมตาเวิร์สอย่างมีความรับผิดชอบ
ยักษ์ใหญ่โซเชียลได้ลงทุนอย่างหนักไปกับเทคโนโลยี VR และ AR ในการพัฒนาฮาร์ดแวร์อย่างเช่น Oculus ชุดหูฟังVR และกำลังพัฒนาแว่นตา AR รวมถึงสายรัดข้อมือเทคโนโลยี ซึ่งทำให้เฟซบุ๊กถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงผลกระทบต่อความปลอดภัยบนโลกออนไลน์
“โครงการ XR และกองทุนวิจัยใหม่ จะลงทุนจากเงินทั่วโลกในระยะเวลาสองปี เพื่อทำให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีเมตาเวิร์สจะถูกสร้างขึ้นในลักษณะที่มีความครอบคลุมและเพิ่มขีดความสามารถ”
ทางบริษัทยังเปิดเผยว่ามีแผนที่จะทำงานร่วมกับนักวิจัย 4 ด้านด้วยกัน ทั้งเรื่องของความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับความช่วยเหลือ หากสิ่งที่พบเห็นในเมตาเวิร์ส ทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ
นอกจากนี้ เฟซบุ๊ก ยังระบุไว้ในโพสต์บล็อกของเว็บไซต์ว่า จะวิจัยวิธีออกแบบเทคโนโลยีที่ครอบคลุมและเข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้ทุกคน และยังส่งเสริมการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่เพิ่งเริ่มต้นใหม่
“พันธมิตรเบื้องต้นสำหรับกองทุนเมตาเวิร์สของเฟซบุ๊ก ได้แก่ มหาวิทยาลันฮาร์วาร์ด ในวอชิงตัน ดีซี ซึ่งจะศึกษาประวัติศาสตร์ของความหลากหลายในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ และวิธีที่จะสามารถกำหนดรูปร่างหน้าตาของโลกในเมตาเวิร์ส
ส่วนมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซลและมหาวิทยาลัยฮ่องกงจะวิจัยด้านความปลอดภัย จริยธรรม และการออกแบบอย่างมีความรับผิดชอบ”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา เฟซบุ๊กได้จัดตั้งทีมเมตาเวิร์ส โดย แอนดรูว์ บอสเวิร์ธ หัวหน้าฝ่าย AR และ VR ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี นอกจากนี้เมื่อสองสามวันก่อน เฟซบุ๊กยังประกาศแผนการจ้างพนักงานเพิ่มอีก 1 หมื่นคน เพื่อทำงานเกี่ยวกับเมตาเวิร์สในยุโรปด้วย