เปิดเทรนด์ “อีคอมเมิร์ซ” ปี’65

อีคอมเมิร์ซ
Pawoot.com
ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ

เมื่อถึงช่วงปลายปีของทุก ๆ ปี ผมจะคาดการณ์แนวโน้มของการค้าออนไลน์ในปีต่อไปว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง สำหรับปี 2565 ต้องมาดูกันเพราะปีนี้ออนไลน์มีบทบาทสูงมาก

1.อีคอมเมิร์ซจะกลายเป็นช่องทางหลักของธุรกิจ ปีนี้อาจยังไม่ค่อยชัดมาก
แต่ปีหน้าจะชัดมากว่าอีคอมเมิร์ซจะกลายเป็นช่องทางหลักในบางธุรกิจยอดขายต่าง ๆ จากกลุ่มอีคอมเมิร์ซอาจไม่มาก แต่เมื่อดูอัตราการเติบโต ผมบอกได้เลยว่าน่าจะโตอีกมหาศาลในเชิงของการขาย

2.JSL ปีหน้าจะเริ่มทำกำไรได้แล้ว อย่างเมื่อกลางปี Lazada ส่งงบฯกลางปีต่อกระทรวงพาณิชย์ รายได้ประมาณหมื่นกว่าล้านบาท เข้าใจว่ากำไรน่าจะเกือบ ๆ 200 ล้านได้ จะเห็นได้ชัดว่าสงครามยังมีอยู่ แต่บางเจ้าเริ่มหยุดสาดเงิน เริ่มโฟกัสที่การทำให้เกิดรายได้มากขึ้น

กำไรของพวกมาร์เก็ตเพลซจะมาจากค่าคอมมิสชั่นและโดยเฉพาะจากการซื้อโฆษณาในเว็บไซต์ ตรงนี้ทำให้รายได้ของผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลซโตขึ้น เพราะแบรนด์ต่าง ๆ เบนเข็มเบนเม็ดเงินจากที่ไปจ่ายตามสื่อต่าง ๆ มาลงบนออนไลน์เพิ่มมากขึ้น กลายเป็นว่าผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลซเริ่มมีรายได้มากขึ้น และเห็นแววว่าจะมีกำไรแล้ว

3.สงครามการเป็น super app หรือง่าย ๆ คือเป็นแอปที่ต้องเปิดทุกวัน ที่ผมดูว่ามีความใกล้เคียงเป็น super app มาก คือ Grab, TrueMoney, สายการบินแอร์เอเชียที่ประกาศว่าจะไม่เป็นแค่สายการบิน แล้วแต่จะเป็น super app และมีการเข้าซื้อ GET แล้ว, อีกเจ้าที่ผมว่าน่ากลัวมาก คือ Shopee มีทุกอย่างและรุกหนักมาก

ตอนนี้ super app เริ่มเบ่งบานในไทย รวมถึงธนาคารต่าง ๆ ก็เริ่มทำตัวเองให้เป็น super app ด้วย ทุกคนพยายามช่วงชิงเวลาของลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าอยู่ในแอปของตัวเองให้นานหรือบ่อยที่สุด นี่คือแนวโน้มของการทำอีคอมเมิร์ซในปีหน้า ทุกเจ้าจะกระโดดเข้ามาเป็น super app

4.live commerce การขายของออนไลน์ผ่านการถ่ายทอดสด ในปีหน้าจะเป็นการขายทางออนไลน์แบบซีเรียสมากขึ้น คือจะเริ่มเจอพ่อค้าแม่ค้ามืออาชีพที่ขายไลฟ์จนเป็นอาชีพจริง ๆ เรียกว่าเป็น professional live commerce และขายได้ในระดับหลายร้อยล้าน เช่น พิมรี่พาย หรือสอดอStyle

ผมใช้คำว่า live commerce + OEM เมื่อก่อนเราอาจเอาของคนอื่นมาขาย แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องแล้ว เมื่อไลฟ์บ่อย ๆ มีฐานลูกค้ามีคนติดตามแล้ว ก็จ้างผลิตสินค้าเลย ทุกคนเริ่มทำแบรนด์ของตัวเอง เพราะอาจได้กำไรมากกว่าเดิม 100-200% ใครที่มีสินค้าแล้วอยากไปจ้างเขาเดี๋ยวนี้ เขาจะไม่เอาแล้วครับ เพราะเขาขายของเขาเองกำไรมากกว่า

5.combine and automated e-commerce การค้ารูปแบบใหม่ ต่อไปทุกช่องทางการขายจะหล่อหลอมเข้าด้วยกัน ทุกอันจะรวบรวมเข้ามาอยู่ในช่องทางเดียวกันได้ ยอดขายจากออนไลน์ ยอดขายจากทีวี ทุกอันจะดึงข้อมูลมารวมไว้ที่เดียวกัน เพื่อมาวิเคราะห์ว่าช่องทางไหนมีประสิทธิภาพมากที่สุด ช่องทางไหนเวิร์กสุด

เมื่อเรา combine ได้ หรือรวมข้อมูลมาอยู่ในที่เดียวกันได้ สิ่งที่ตามมาคือ automated คือสามารถต่ออัตโนมัติ เอาพวกแชตบอตเข้ามาช่วยได้ ระบบออกบิล ออก invoice การเก็บข้อมูลทุกอย่าง ฯลฯ การขายของในปัจจุบันจะรวดเร็วขึ้นและจะอัตโนมัติมากขึ้นเลยทีเดียว

บางทีเมื่อทักแม่ค้าไปจะพบว่าแป๊บเดียวเขาจะตอบกลับมา นั่นหมายถึงระบบการบริหารจัดการการขายของออนไลน์ เดี๋ยวนี้มีเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ ที่ทำงานได้ง่ายมากขึ้น และเป็นอัตโนมัติมากขึ้น ปีนี้ผมก็เห็นเครื่องไม้เครื่องมือออกมาเยอะแล้วเหมือนกัน

6.retail automation การค้าปลีกแบบอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้คน ปีหน้าจะเริ่มเห็นพวก vending machine พวกตู้กดต่าง ๆ ต้องบอกว่า ตอนนี้มีตู้เยอะ และราคาไม่แพงแล้ว เราซื้อตู้พวกนี้มาขายของของเราได้แล้ว

ราคาตู้ vending machine เมื่อเปรียบเทียบราคาตู้หนึ่งต่อหนึ่งคนต่อปีแล้วนั้น เราซื้อตู้พวกนี้ได้เลย และข้อดีคือมันไม่ต้องจ่ายเงินเดือน ไม่ต้องมีโบนัส ขายได้ 24 ชั่วโมง เป็นเครื่องที่คอยเก็บเงินอย่างเดียว มีระบบดูแลความปลอดภัยอย่างดี ใครที่ทำธุรกิจขายของอยู่แล้ว อยากให้ลองมาวิเคราะห์ดูว่าเราจะใช้ตู้พวกนี้ขายของได้อย่างไร

7.การขายของออนไลน์ในปีหน้าจะดุมากขึ้น aggressive มากขึ้น งบประมาณที่ใช้เท่าเดิมยอดขายจะได้น้อยลง เพราะอย่างที่บอกไปในข้อแรกเลยคืออีคอมเมิร์ซจะกลายเป็นเรื่องปกติ เมื่อทุกคนกระโดดเข้ามาสู่อีคอมเมิร์ซมากขึ้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือต้องใช้งบประมาณในการกระตุ้นต่าง ๆ เมื่อเริ่มใช้งบฯมากขึ้น งบฯเริ่มไม่ค่อยได้ผล การแข่งขันมากขึ้น ฉะนั้น ตลาดการลงโฆษณา ตลาดการแข่งขันขายของออนไลน์จะดุเดือดมากขึ้นเยอะเลย

นี่คือสิ่งหนึ่งที่เตรียมตัวได้เลย แน่นอนว่าต้องปรับตัวในแง่ทีมเรา ต้องมีคนเก่งมากขึ้น ต้องเติมองค์ความรู้ใหม่ ๆ ให้กับทีมให้ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ และอีกอย่างที่จะตามมาคือ จากที่เคยเล่าให้ฟังว่าเทคโนโลยีที่จะติดตามลูกค้าเริ่มไม่ได้ผลแล้ว อย่าง Facebook ก็ดี Apple ก็ดี การติดตามคน การเอาคุกกี้หรือข้อมูลส่วนบุคคลมาใช้ต่อ เริ่มใช้ไม่ค่อยได้แล้ว ฉะนั้น ความแม่นยำจะเริ่มน้อยลง

8.crypto commerce เป็นคำใหม่ที่ผมขอใช้ crypto commerce คือการใช้สกุลเงินคริปโทมาร่วมกับการค้าจริง ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่ามีการใช้เหรียญคริปโทมาใช้ แต่เป็นการใช้ในแง่ของการลงทุน มาเก็งกำไรมากกว่า ไม่ได้เอามาซื้อของ แต่ในปีหน้าเราจะเริ่มเจอว่ามีการเอาเงินคริปโทมาซื้อของแล้ว ปีนี้ผมเริ่มเห็นแล้วว่ามีคนเอาเหรียญคริปโทมาซื้อของบ้างแล้ว เช่น ใช้คริปโทซื้อรถยนต์ได้

ตอนนี้กลุ่มคนพวกคริปโทบอกว่า ตอนนี้เอาคริปโทไปซื้อเสื้อผ้าได้ มีสตาร์ตอัพที่ผมไปลงทุน บอกว่ามีการจ้างนักกฎหมาย และจ่ายเงินเป็นคริปโท ฯลฯ ฉะนั้น crypto commerce จะเริ่มมามากขึ้น แต่ต้องบอกก่อนว่าในแง่ของนโยบายของแบงก์ชาติยังไม่ได้สนับสนุนการนำเงินคริปโทมาใช้ในการซื้อขายมากเท่าไหร่ แต่ผมว่าในปีหน้าจะเริ่มเห็นบางกลุ่มอุตสาหกรรม

9.B2C จะเริ่มเหิมเกริมมากกว่าเดิม เพราะทุกแบรนด์ทำหมด พวกแบรนด์สินค้าต่าง ๆ เริ่มหันมาขายในมาร์เก็ตเพลซ เปิดร้านขายเอง ส่งเอง และขายแข่งกับดีลเลอร์ต่าง ๆ อนาคตของตัวกลางที่เคยเตือนไว้เริ่มชัดแล้วว่า บทบาทความสำคัญจะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ และปีหน้าจะเริ่มชัดขึ้น

10.local business decline เมื่อ 1-9 มารวมกันจะเกิดการที่ธุรกิจท้องถิ่นที่อยู่ต่างจังหวัด ร้านโชห่วย ร้านค้าขนาดเล็ก ฯลฯ จะเริ่มเห็นการหดตัวในปีหน้า เพราะผู้บริโภคจะเริ่มคุ้นชินกับการซื้อของออนไลน์มากขึ้น คนต่างจังหวัดจะเริ่มเปลี่ยนมาซื้อของออนไลน์จะกระทบกับธุรกิจค้าปลีกทันทีเลย ไม่ว่าจะเป็นร้านขายเสื้อผ้า รองเท้า ฯลฯ ต่อไปจะมีผลกระทบมากขึ้นเลยทีเดียว ร้านเหล่านี้จะมีขนาดเล็กลง ยอดขายจะตกลงด้วยเหมือนกัน