โรงงานไม้ยางใต้ขาดสภาพคล่อง วัตถุดิบลดจีนกดราคา-วอนรัฐอุดหนุน

ไม้ยาง

โรงงานผลิตไม้ยางภาคใต้ ขาดสภาพคล่อง เหตุวัตถุดิบไม้ยางลด ต้นทุนพุ่ง ตลาดหลักจีนกดราคารับซื้อ เตรียมยื่นหนังสือให้รัฐบาลสนับสนุนสภาพคล่อง

นายนิกร ลิขิตหวังพาณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชูศักดิ์แอนด์พรรณีลีดเดอร์ จำกัด จ.นครศรีธรรมราช ผู้ผลิตและส่งออกไม้ยางพาราอบแห้ง ในฐานะนายกสมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาวะธุรกิจไม้ยางพาราไทยในตลาดต่างประเทศยังมีความต้องการสูง

โดยประเทศจีนเป็นตลาดหลัก และมีความต้องการประมาณ 3 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่จีนรับซื้อราคาไม่สูง ดังนั้นโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพาราต้องพยายามลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากภาวะภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย และสงครามทางการค้าระหว่างประเทศ จึงคาดว่าปี 2565 มูลค่าการส่งออกประมาณกว่า 30,000 ล้านบาท

“ปัจจุบันราคาไม้ยางอยู่ที่กว่า 30,000 บาท/ไร่ ราคา 1.60 บาท-1.70 บาท/กก. และเศษไม้ยางราคา 1 บาท/กก. ถือเป็นราคาที่ดีเนื่องจากรัฐบาลเข้ามาสนับสนุน ไม่อย่างนั้นโรงงานแปรรูปอยู่ไม่ได้”

ไม้ยางพาราระยะหลังประสบปัญหาจากนโยบายโค่นยางพาราเพื่อสงเคราะห์ทดแทนของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ที่เดิมโค่นยางพาราเพื่อสงเคราะห์ จำนวน 400,000 ไร่ มาเหลือ 200,000 ไร่ ด้วยเหตุที่ กยท.นำเงินงบประมาณไปใช้จ่ายอย่างอื่น เงินสนับสนุนขาดหายไปส่งผลกระทบต่อชาวสวนยางพารา และโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา ที่ไม่สามารถผลิตได้เต็มกำลังการผลิต บางโรงต้องชะลอตัว 20-30%

ตาราง ส่งออกผภ.ไม้

สมาคมมีสมาชิก 134 โรง อยู่ในภาคใต้ 100 โรง เฉลี่ยมีคนงานประมาณ 400 คน/โรง ในห่วงโซ่ธุรกิจมีพ่อค้ารับซื้อไม้และแรงงานเกี่ยวเนื่องรวมกว่า 100,000 คน แต่ปัจจุบันโรงงานไม่สามารถผลิตได้เต็มกำลังการผลิต ต้นทุนอย่างปรับขึ้น ส่งผลต่อสภาพคล่อง

ดังนั้น ในช่วงต้นสัปดาห์หน้าจะมีการยื่นหนังสือถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้พิจารณาช่วยสนับสนุนเรื่องสภาพคล่องโรงงานแปรรูปไม้ยางพารา เพื่อจะได้ไปรับซื้อไม้ยางพาราจากเจ้าของสวน

นายสุทิน พรชัยสุรีย์ กรรมการผู้จัดการ 3 โรงงานผลิตไม้ยางพาราแปรรูปอบแห้งส่งออกรายใหญ่ในภาคใต้ บริษัท เขามหาชัยพาราวู้ด จำกัด จ.นครศรีธรรมราช บริษัท พาราโดม จ.กระบี่ และบริษัท เค.เอส.พี.พาราวู้ด จ.สตูล และนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมยอดการส่งออกไม้ยางพาราแปรรูปอบแห้งปี 2565

คาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปี 2564 หรือดีขึ้นกว่าเล็กน้อย ประมาณ 33,000 ล้านบาท แม้ว่าตลาดหลักจีนจะมีปัญหาเศรษฐกิจ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมล้นตลาด และการส่งออกสินค้าเฟอร์นิเจอร์ของจีนไปตลาดต่างประเทศ ได้รับผลกระทบจากการกีดกันทางการค้า แต่ความต้องการซื้อไม้ยางพาราแปรรูปอบแห้งยังมี

“ตอนนี้โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ของจีน ย้ายฐานไปตั้งในเวียดนาม คาดว่าโรงงานจะแล้วเสร็จช่วงกลางปี 2566 ดังนั้นต่อไปเวียดนามจะสั่งซื้อไม้ยางพาราแปรรูปอบแห้งจากไทยเพิ่มขึ้น”