เวียดนามซื้อ “เงาะ” ไม่อั้น จี้รัฐหนุนขยายตลาดส่งออก

เงาะ

“เงาะ” 1 ใน 4 ชนิดของผลไม้ภาคตะวันออก ทุเรียน มังคุด ลองกอง ทุกวันนี้ผลผลิตลดลงอย่างน่าใจหาย เพราะตลาดการส่งออกไม่เติบโต กรมการค้าภายใน แจ้งตัวเลขการส่งออกเงาะ ปี 2565 มีปริมาณผลสด 21,599 ตัน มูลค่า 435 ล้านบาท ตลาดหลักคือ เวียดนาม 48% มาเลเซีย 38% เมียนมา 7%

ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ปลูกเงาะถูกปรับเปลี่ยนไปปลูกทุเรียนจำนวนมาก ด้วยราคาทุเรียนที่สูงขึ้นเป็นแรงจูงใจ มีตลาดใหญ่จีนรองรับ ต่างจากเงาะ ส่งออกเพียง 10% บริโภคภายในประเทศ 90% ทั้งที่เงาะเป็นผลไม้ที่น่าจะส่งเสริมการส่งออกได้มากขึ้น โดยมูลค่าการส่งออกผลสดเงาะจากปี 2563 มูลค่า 172 ล้านบาท ปี 2565 เพิ่มขึ้น 435 ล้านบาท

ขณะที่ผลผลิตเงาะทั่วประเทศ ปี 2566 รวม 274,879 ตัน แบ่งเป็นภาคตะวันออก 194,915 ตัน หรือ 71% ภาคใต้ 55,743 ตัน หรือ 20% และภาคอื่น ๆ 24,221 ตัน หรือ 9% ข้อมูลสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ภาคตะวันออก (จันทบุรี ระยอง ตราด) ระบุว่า ภาคตะวันออกมีพื้นที่ปลูกเงาะมากที่สุด และได้ปรับเปลี่ยนไปปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้น จากปี 2565 พื้นที่ยืนต้นรวม 104,819 ไร่ ปี 2566 เหลือเพียง 78,699 ไร่ ลดลง 22,042 ไร่ หรือ 21.03%

เนื้อที่ให้ผลลดลง 21.49% และจากผลผลิตปี 2565 จำนวน 216,420 ตัน ปี 2566 เหลือ 141,115 ตัน หรือลดลง 34.80% โดยจันทบุรีลดลง 44.24% จาก 100,062 ตัน เหลือ 55,799 ตัน ตราดลดลง 25.34% จาก 111,226 ตัน เหลือ 83,040 ตัน ระยองลดลง 55.65% จาก 5,132 ตัน เหลือ 2,276 ตัน

ปี 2566 เงาะ มีราคาสูงกว่าปีที่ผ่านมา เรียกว่าเป็น “ปีทอง” ทีเดียว เมื่อตลาดเวียดนามบุกรับซื้อถึงสวนหลายสิบราย แถมรับซื้อไม่อั้น ทำให้เงาะ จ.ตราด ที่ออกก่อนในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน เปิดตลาดด้วยราคา กก.ละ 50-52 บาท

และช่วงเดือนพฤษภาคมที่เงาะขาดรุ่นราคาพุ่งสูงถึง กก.ละ 50-60 บาท และต้นเดือนมิถุนายน ราคายังอยู่ที่ 34-38 บาท และในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ปริมาณผลผลิตออกมากและตรงกับเงาะโรงเรียนออกมาก คาดว่าราคาน่าจะไม่ต่ำกว่า กก.ละ 20 บาท เพราะปริมาณผลผลิตโดยรวมมีน้อย อนาคตเกษตรกรหลายคนมีความหวังกับราคาเงาะที่จะเพิ่มสูงขึ้น

ในขณะที่ต้นทุนสูงสุดไม่เกิน กก.ละ 8-9 บาท และเชื่อมั่นว่าถ้าทำคุณภาพดี ราคาและตลาดน่าจะตอบรับดี

พ่อค้าเวียดนามบุกซื้อไม่อั้น

นายธนภัทร จาวินัส ผจก.สหกรณ์ส่งเสริมธุรกิจภาคเกษตร จ.ตราดจำกัด (บ้านเงาะตราด) และประธานแปลงใหญ่เงาะตำบลวังตะเคียน อ.เขาสมิง จ.ตราด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้มีพ่อค้าเวียดนามเข้ามาติดต่อขอซื้อเงาะตั้งแต่ช่วงต้นฤดูหลาย 10 ราย

ตอนนี้ยังรับซื้อเรื่อย ๆ ตัวเลขการส่งออกเงาะภาคตะวันออกไปเวียดนาม เฉลี่ยประมาณ 180 ตู้/วัน เวียดนามปลูกเงาะได้ แต่ภาครัฐไม่ได้ส่งเสริม สำหรับราคาเงาะปีนี้ช่วงที่ออกน้อยราคาสูงถึง กก.ละ 50-60 บาท แต่ช่วง พ.ค.-มิ.ย.ที่ผลผลิตเริ่มออกมากราคาลดลงมา ประกอบกับช่วงนี้เวียดนามมีลิ้นจี่ออกสู่ตลาดมาก แต่ราคาเฉลี่ยของเงาะปีนี้น่าจะสูงกว่าปี 2565 กก.ละ 23-24 บาท

“การทำผลไม้ทุกตัวแพ้ทุเรียนในเรื่องราคา ตอนนี้สหกรณ์พยุงราคาเงาะไว้เพื่อช่วยเกษตรกร การทำตลาดต้องมีระบบ ต้องดูความต้องการของตลาด ข้อดีเงาะยืดอายุการเก็บเกี่ยวได้นานถึง 20 วัน ควรขายเงาะช่อไม่ขายเป็นลูกที่ราคาถูกกว่า กก.ละ 8-10 บาท

ถ้าคิดเป็นเงินต่างกันตู้ละหลายแสนบาท และการทำให้ผลผลิตมีคุณภาพไปถึงผู้บริโภค ทำให้ราคาดีขึ้นและทรงตัว เงาะมีต้นทุนผลิตต่ำ กก.ละ 8-9 บาท และการดูแลไม่ยุ่งยากมาก เงาะน่าจะเป็นพืชทางเลือกของเกษตรกรที่แบ่งพื้นที่ปลูกเป็นโซนเพื่อการบริหารจัดการง่ายขึ้น

ตาราง เงาะ

และเงาะสีทองให้ผลผลิตอายุเพียง 3 ปีเศษ และให้ผลประมาณเดือนเมษายน เร็วกว่าเงาะโรงเรียนออกประมาณเดือนมิถุนายน ลักษณะผล ลูกใหญ่ เนื้อเยอะ น้ำหนักดี ผิวหนาเมื่อใกล้สุกเข้าฤดูฝนโดนฝนจะไม่แตกง่าย และไม่ต้องช่วยผสมเกสรที่ดอกเหมือนเงาะโรงเรียน เอาชนะราคาได้ แม้ราคาจะถูกกว่าเงาะโรงเรียนเฉลี่ยแล้ว กก.ละ 5-10 บาท และถ้าทำเงาะช่อราคาแพงกว่าเงาะลูก กก.ละ 8-10 บาท”

จี้รัฐขยายตลาดส่งออก

นายธนภัทรกล่าวต่อไปว่า เงาะทุกวันนี้มีตลาดภายในประเทศ 10-15% ตลาดเวียดนาม 72% ที่เมืองฮานอย ดานัง และมีตลาดอื่น ๆ เมียนมา ลาว มาเลเซีย อย่ามองแค่ตลาดจีน การพัฒนาคุณภาพส่งเสริมตัวตกเกรดให้คุณภาพดี เพื่อส่งออกเพิ่มมูลค่า ถ้าบริหารจัดการดี ๆ ให้ตรงกับความต้องการของตลาดจะได้มูลค่าเพิ่มขึ้นตันละ 5,000 บาท

เวียดนามนิยมซื้อเงาะสุกสีแดงไหว้พระ ไหว้บรรพบุรุษ และเทศกาลต่าง ๆ เช่น วันชาติต้นเดือนเมษายน มีการเฉลิมฉลอง 5 วัน หรือวันพระทุก ๆ 15 วัน การส่งของไปต้องไปถึงล่วงหน้าก่อน 3 วัน ตอนนี้เกษตรกรไม่มีปัญหาแรงงานเก็บเกี่ยว สหกรณ์จะมีทีมหัวรถ มีแรงงานเก็บ 30-40 คน เข้าไปเก็บในสวน โดยเจ้าของสวนจ่ายค่าแรงงาน กก.ละ 3 บาท ทำให้เก็บได้รวดเร็ว ปิดเที่ยวรถขนส่งได้ทัน เกษตรกรเจ้าของสวนเงาะขนาด 80 ไร่ จับเงินล้านได้

“สหกรณ์รับซื้อผลผลิตจากสมาชิก กลุ่มแปลงใหญ่ และเกษตรกรทั่วไปส่งตลาดทั้งภายใน โมเดิร์นเทรดที่ทำ CSR และต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 2551 ที่ตั้งสหกรณ์และได้รับความเชื่อถือคุณภาพและเติบโตมาเรื่อย ๆ ตลาดเวียดนามเป็นตลาดใหญ่สุด การทำตลาดเงาะในเวียดนาม ต้องดูความต้องการของตลาดล่วงหน้าเป็น 10-20 วัน

เพื่อให้การขนส่งไปถึงตลาดปลายทางตรงช่วงที่ตลาดต้องการ วันพระ เทศกาลต่าง ๆ เช่น วันชาติ จะทำให้ได้ราคาสูง และข้อดีของเงาะบริหารจัดการแขวนไว้บนต้นได้นาน 10-20 วัน ปีหนึ่ง ๆ ภาคตะวันออกจะมีเงาะส่งออกประมาณเกือบ 100,000 ตัน ถ้าอนาคตภาครัฐช่วยสนับสนุนในการขยายตลาดส่งออกจะได้ราคาเพิ่มสูงขึ้น”

ดันปลูกเงาะเป็น “พืชค้ำยัน”

นายวุฒิพงศ์ รัตนมณฑ์ ประธานสหกรณ์การเกษตรเพื่อการแปรรูปและส่งออกจังหวัดตราด จำกัด จ.ตราด และเจ้าของสวนเงาะแปลงใหญ่ขนาด 100 ไร่ อ.เขาสมิง จ.ตราด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทำสวนเงาะมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่กว่า 50 ปี แม้ว่าจะมีสวนทุเรียน มังคุด ในปัจจุบันยังปลูกเงาะผสมผสานอยู่ในแปลงทุเรียน เห็นว่าเงาะเป็นพืชที่ไม่ทำให้ขาดทุน

แต่ราคาไม่ได้หวือหวาเป็นเนื้อเป็นหนังอย่างทุเรียน มังคุด ปัจจุบันเงาะผลสดส่งไปตลาดเวียดนาม 70-80% จีนเพียง 0.1% ตลาดภายในประเทศ 20% ตลาดเวียดนามชอบเงาะผิวสีแดง สีมงคลใช้ไหว้เจ้าเป็นหลัก การทำตลาดต้องส่งไปล่วงหน้า 2-3 วัน ซึ่งตอนนี้มีการบริหารจัดการแรงงานเก็บเกี่ยวได้ทัน ที่ผ่านมาช่วงแรก ๆ มีปัญหาอยู่บ้างที่เงาะเป็นสีแดง แต่เนื้อข้างในยังไม่ได้

ปีนี้เงาะเปิดตลาดราคา กก.ละ 50 บาท เป็นราคาที่สูงมาก แต่ตลาดเวียดนามไปได้กลาง ๆ ตลาดไม่แน่นอน แม้ว่าจะเป็นตลาดหลัก ถ้าดูตัวอย่าง ลำไย มะม่วง ที่ส่งไปบางครั้งราคาแรง กก.ละ 40-50 บาท และบางครั้งเหลือ 10 บาท หรือไม่รับซื้อ เกษตรกรควรปลูกเงาะไว้เป็นพืชค้ำยัน เพราะทุเรียนมีโอกาสเป็นโรคตาย และใช้ต้นทุนสูงมาก

แต่เงาะเป็นพืชที่แข็งแรง 80-90% ไม่เป็นโรคตายยกแปลง และต้นทุนไม่สูง ราคาขาย กก.ละ 20 บาท ชาวสวนอยู่ได้ เพราะต้นทุนอยู่ไม่เกิน กก.ละ 8-9 บาท จริง ๆ แล้วเงาะ จ.ตราด น่าจะปลูกมากที่สุด หรือมากที่สุดในประเทศไทยเวลานี้ ควรให้ความรู้กับเกษตรกรให้ปลูกเป็นพืชค้ำยัน และภาครัฐควรสนับสนุนเอกชนในการทำตลาด