หอการค้าไทย จัดงานสัมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 ระดมความเห็นจากนักธุรกิจทั่วประเทศ แก้พิษเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เตรียมยื่น “สมุดปกขาว” เสนอรัฐบาล ด้านประธานหอการค้าไทย คาด ปีหน้าเศรษฐกิจอาจโตถึง 3.5%
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยได้จัดงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 “CONNECT FOR GROWTH: INNOVATING FOR OUR SUSTAINABLE FUTURE : สร้างไทยให้เติบโต สู่อนาคตที่ยั่งยืน” ณ NICE HALL สวนนงนุช จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นเวทีในการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนทุกภูมิภาค เพื่อจัดทำ ข้อเสนอทางเศรษฐกิจของหอการค้าทั่วประเทศ เป็น “สมุดปกขาว“ ที่จะเสนอต่อรัฐบาล
ในปี 2568 คาดว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ GDP เติบโตอย่างน้อย 3% หรืออาจถึง 3.5% เพราะคิดว่าประเทศไทยยังมีศักยภาพสูงมาก เพียงแต่ยังไม่มีการทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ ถ้าหากทำได้ในอนาคตเศรษฐกิจไทยอาจเติบโตได้ถึง 5%
โดยงานสัมนาครั้งนี้ มุ่งเน้น 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ ความเชื่อมั่นของชาวไทยและต่างประเทศ, ขีดความสามารถการแข่งขันของ SME , การเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเร็วที่สุด ซึ่งเรามีพลังจากผู้ประกอบการรุ่นใหม่หอการค้าทั่วประเทศเรียกว่า Young Entrepreneur Chamber of Commerce (YEC) ที่จะร่วมผลักดัน อยากช่วยให้เป็น SME ที่เข้มแข็ง รวมทั้งข้อเสนอ 6 ประเด็นปลุกเศรษฐกิจไทยให้เติบโต เพื่อกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีหน้า 2568 ให้โตไม่ต่ำกว่า 3-3.5% “นายสนั่นกล่าว”
สำหรับงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 มีกิจกรรมสำคัญ ประกอบด้วย ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ความร่วมมือภาครัฐและเอกชน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อยกระดับธุรกิจของไทย” โดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ
ในงานสัมนาครั้งนี้ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของไทย” โดย ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ การบรรยายพิเศษ เรื่อง “EEC UPDATE” โดย ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) การสัมมนาหัวข้อเศรษฐกิจ “สร้างไทยให้เติบโต สู่อนาคตที่ยั่งยืน” โดยภาคเอกชน และในวันที่ 24 พฤศจิกายน จะเป็นการมอบ “สมุดปกขาว” เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับรัฐบาล
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บรรยายพิเศษในหัวข้อ “ภาพรวมเศรษฐกิจไทยและภูมิภาค” ว่านโยบายทรัมป์ 2.0 ทำให้ทั่วโลกเกิดความกังวล โดยเฉพาะการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนที่ 60% และจะเก็บเพิ่ม 10% จากทุกประเทศทั่วโลกที่ได้ดุลการค้าสหรัฐ รวมถึงไทย ซึ่งจะนำไปสู่สงครามการค้ารอบใหม่ รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และภาวะสงครามเช่น รัสเซีย-ยูเครน, ตะวันออกกลาง ยังคงยืดเยื้อ ซึ่งเสี่ยงทำให้เศรษฐกิจไทยในปีหน้า โตต่ำกว่า 3%
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ไม่ว่าจะเป็น การแจกเงิน 10,000 บาท ให้ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปในช่วงตรุษจีน, มาตรการแก้ปัญหานี้โดยพักชำระดอกเบี้ย 3 ปี และมาตรการช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท จะทำให้มีเงินหมุนในระบบ 163,728 ล้านบาท และส่งผลให้ GDP ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.9-1.0%
นายธนวรรธน์กล่าวต่อว่า มีความกังวล หากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ดำเนินการจริงจังตามที่หาเสียงไว้จริงในปี 2568 ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่า 3% เนื่องจากจะเกิดเป็นสงครามการค้า และสงครามจริง จะมีผลต่อราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นกระทบต่อต้นทุน รวมถึงมีความกังวลต่อเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และหลังจากมีอัตราการเติบโตเกิน 3% ในไตรมาส 3 เป็นผลจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่ส่งผลดีต่อการลงทุน การก่อสร้าง และภาคค้าปลีกที่เริ่มโดดเด่น ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ทำให้ในภาพรวมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี