“แอตแลนต้าฯ” ทุ่ม 700 ล้าน ผุดโรงงานผลิตยาจากกัญชา จ.เชียงใหม่

กัญชา

แอตแลนต้า เมดดิแคร์ ทุ่ม 700 ล้านบาทปักหมุดพื้นที่กว่า 16 ไร่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ผุดโรงงานปลูกกัญชา-ผลิตยาใช้ทางการแพทย์ ผนึกมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วิจัยและพัฒนา ผลิตสารสกัดกัญชาระดับ medical grade เผยงานก่อสร้างอาคารโรงงานและระบบโครงสร้างพื้นฐานคืบหน้าแล้วกว่า 90% คาดเริ่มลุยปลูกรุ่นแรก 5 พันต้นได้ไตรมาส 2 ปี 2566 ตั้งเป้ากำลังการผลิต 2.8 แสนขวดต่อปี ป้อนดีมานด์ตลาดในประเทศ พร้อมเตรียมแผนส่งออกไปตลาดโลก

นายศุภเดช อำนวยสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอตแลนต้า เมดดิแคร์ จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัทได้มองเห็นการเติบโตและการขยายตัวของการใช้กัญชาในทางการแพทย์ ซึ่งมีทิศทางที่ดีมากในอนาคต จึงได้ตัดสินใจลงทุนราว 700 ล้านบาท ตั้งโรงงานปลูกกัญชาและผลิตยาจากกัญชาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ บนพื้นที่กว่า 16 ไร่ ในอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ โดยความร่วมมือทางวิชาการภายใต้การ MOU ระหว่างบริษัท แอตแลนต้า เมดดิแคร์ จำกัด และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อผลิตยาจากกัญชาระดับ medical grade

ศุภเดช อำนวยสกุล

โดยบริษัทได้สนับสนุนอาคารวิจัยกัญชาทางการแพทย์ให้กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มูลค่าราว 17 ล้านบาท อาคารดังกล่าวตั้งอยู่ที่คณะเกษตรศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นอาคารโรงเรือนที่ได้มาตรฐาน GMP PICS มีการควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอนปลูก ใช้เทคโนโลยี indoor cultivation เป็นมาตรฐานระดับ world class สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการปลูกได้ทั้งหมด

ทั้งนี้ ได้วางแนวทางการดำเนินงานวิจัยในการบูรณาการองค์ความรู้และเทคโนโลยีขั้นสูงของมหาวิทยาลัย เพื่อมาสร้างสรรค์งานวิจัยเกี่ยวกับกัญชา เพื่อการรักษาโรค ที่มุ่งหวังให้เกิดองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ตลอดจนถึงการผลิตผลงานวิจัยเกี่ยวกับสารสกัดจากกัญชาที่สามารถใช้งานได้จริง

นายศุภเดชกล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินงานก่อสร้างโรงงานและระบบโครงสร้างพื้นฐานในอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ล่าสุด มีความคืบหน้าแล้วกว่า 90% เหลือเพียงการวางระบบต่าง ๆ ภายในโครงการเท่านั้น ซึ่งพื้นที่กว่า 16 ไร่ ประกอบด้วยอาคารผลิต อาคารปลูก อาคารสนับสนุน อาคารสำนักงาน อาคารกำจัดขยะ อาคารโรงอาหารและล็อกเกอร์ และป้อมยามภายใน/ภายนอก โดยอาคารปลูกมีพื้นที่ราว 5,900 ตารางเมตร แบ่งออกเป็น 12 ห้อง ซึ่ง 1 ห้อง ปลูกกัญชาได้ราว 1,100 ต้น และตลอด 1 ปี สามารถปลูกกัญชาได้ราว 10,000-20,000 ต้น

“การปลูกกัญชาของบริษัท เป็นการปลูกด้วยระบบออร์แกนิกทั้งหมด เราได้นำเข้าสายพันธุ์กัญชาแคนนาโทนิก (Cannatonic) โดยนำเข้าเมล็ดพันธุ์จากประเทศสเปน ซึ่งมีสาร CBD ค่อนข้างสูง และ THC ต่ำ สามารถนำไปผลิตเป็นยาเพื่อใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ได้ดี โดยจะเริ่มการปลูกกัญชา crop แรกจำนวน 5,000 ต้น ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2566 ซึ่งการปลูกกัญชา 1 รอบการผลิต มีระยะเวลาการปลูกจนเก็บเกี่ยวไม่เกิน 3 เดือน โดยในช่วงเวลา 1 ปี สามารถปลูกได้ราว 4-5 รอบการผลิต”

สำหรับโรงงานในพื้นที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นโรงงานครบวงจร ทั้งด้านการปลูกและผลิตยาจากกัญชาในทางการแพทย์ ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด ที่นำมาควบคุมคุณภาพการปลูกและการผลิตยา มีการจ้างบุคลากรราว 60-70 คน ตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตยาจากกัญชาราว 280,000 ขวดต่อปี ซึ่งวัตถุประสงค์สำคัญคือ การ supply ยาให้กับตลาดในประเทศเป็นอันดับแรก ซึ่งมี demand ค่อนข้างสูงมากในปัจจุบัน แต่ supply ยังมีไม่เพียงพอกับความต้องการ

ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มกระบวนการผลิตยาลอตแรกราวปลายปี 2566 ทุกขั้นตอนการผลิตผ่านการพิจารณา ตรวจสอบและอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และการจำหน่ายต้องซื้อผ่านมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เท่านั้น โดยแพทย์ที่ได้รับอนุญาต มีคิวอาร์โค้ดระบุทุกขวด ทุกการผลิต และมีรายชื่อคนไข้ทุกคน จึงสามารถตรวจสอบได้ว่าคนไข้ที่ใช้ยาเป็นใคร และแพทย์คนไหนที่เป็นคนสั่งจ่ายยา

นายศุภเดชกล่าวต่อไปว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตยาและมีความเชี่ยวชาญในการผลิตยา อาทิ ยา Favipiravir ที่บริษัทได้รับอนุมัติจาก อย. ให้เป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ผลิตยา HIV และยาอื่น ๆ อีกหลายชนิด ดังนั้น การก้าวเข้าสู่การผลิตยาจากกัญชาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ครั้งนี้ ด้วยงบฯลงทุนราว 700 ล้านบาท ที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ครั้งนี้

บริษัทมองเห็นทิศทางการเติบโตของธุรกิจการผลิตยาจากกัญชา ว่ามีโอกาสทางการตลาดสูงในประเทศ โดยมุ่งหวังให้ยากัญชาเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษา เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนไทย และบริษัทยังได้เตรียมแผนยกระดับเป็นอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกต่างประเทศด้วยในอนาคต