CPN โชว์กำไรไตรมาส 2 ทะลุ 2.7 พันล้าน อานิสงส์เปิดเมืองหนุนรายได้

CPN

“เซ็นทรัลพัฒนา” ประกาศเดินหน้าตามแผน 5 ปี เล็งโอกาสลงทุนธุรกิจใหม่ เข้าซื้อกิจการ ทั้งไทยและต่างประเทศ พร้อมเผยกำไรไตรมาส 2/65  อยู่ที่ 2.75 พันล้าน

วันที่ 10 สิงหาคม 2565 นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยงของเซ็นทรัลพัฒนา เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2565  มีรายได้รวม 9,151 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 2,753 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสก่อนหน้า

โดยมีภาพรวมฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม ศูนย์อาหาร และที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจและผู้คนกลับมาใช้ชีวิตจากการผ่อนคลายมาตรการโควิด รวมถึงการเปิดประเทศ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า

ขณะที่ทราฟฟิกของศูนย์การค้ากลับมาเกินกว่า 80% จากช่วงเวลาปกติ และบริษัทได้ควบคุมต้นทุน ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรให้ดีขึ้น พร้อมยังมีเหตุการณ์สำคัญ คือการเปิดเซ็นทรัล จันทบุรี ซึ่งมีทราฟฟิกในช่วงเปิดตัวสูงถึง 40,000 คนต่อวัน

นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์
นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์

พร้อมกันนี้ บริษัทได้เดินหน้าตามแผนลงทุน 5 ปี ภายใต้งบฯลงทุน 120,000 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์ “Retail-Led Mixed-Use Development” ที่มีธุรกิจศูนย์การค้าเป็นแกนหลัก และเสริมธุรกิจศูนย์การค้าด้วยโครงการที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรม ทั้งนี้ได้ตั้งเป้าพัฒนาทุกธุรกิจรวมกันกว่า 180 โครงการ ครอบคลุมมากกว่า 30 จังหวัดทั่วประเทศภายใน 5 ปี ระหว่างปี 2022-2026

เริ่มจากศูนย์การค้ารวม 50 แห่ง มุ่งขยายไปในทุกโลเกชั่นทั่วประเทศ ในไตรมาส 4 เตรียมเปิด เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ มูลค่ารวมกว่า 6,200 ล้านบาท เจาะทำเลราชพฤกษ์ บนที่ดิน 40 ไร่ พื้นที่ GFA93,000 ตร.ม. เพื่อยกระดับฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ตามด้วยคอมมิวนิตี้มอลล์ 17 แห่ง ขยายไปสู่ทำเลศักยภาพสูงและย่าน CBD โดยโครงการที่จะเปิดให้บริการในไตรมาส 4 นี้ ได้แก่ “Marché Thonglor” (Market Place Thonglor เดิม)

ส่วนที่อยู่อาศัย 70 แห่ง ชูจุดแข็ง “บ้านเซ็นทรัล” โครงการอยู่ติดศูนย์การค้าเซ็นทรัล พร้อมจับมือกับโครงการต่าง ๆ ในเครือกลุ่มเซ็นทรัล ครอบคลุมทั้งแนวราบและแนวสูง โดยโครงการที่เพิ่งเปิดตัวไป ได้แก่ คอนโดมิเนียม PHYLL Phuket เปิดจองแล้ววันนี้ และอีก 6 โครงการใหม่เปิดในปี 2565 ได้แก่

คอนโดมิเนียม ESCENT 4 แห่ง ติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล สุราษฎร์ธานี, โครงการที่ติดกับ Robinson Lifestyle อีก 3 จังหวัด คือ สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา และตรัง และโครงการบ้านเดี่ยวแนวราบ 2 โครงการ คือ นินญา ราชพฤกษ์ และนิรติ เชียงใหม่

รวมถึงโรงแรม 37 แห่ง 4,000 ห้อง ภายใต้ 3 แบรนด์ ได้แก่ Centara (Upscale), Centara One (Lifestyle Midscale) และ Go! Hotel (Premium Budget) โดยเตรียมเปิดโรงแรมแรก “Centara Korat” ในเดือน ก.ย. 65 ตอกย้ำความสำเร็จ เซ็นทรัล โคราช

ฝั่งอาคารสำนักงาน 13 แห่ง พัฒนา The Most Preferred Workplace ของทั้งบริษัทผู้เช่าและคนทำงาน โดยปีนี้โฟกัสสำคัญ คือ การปรับโฉม centralwOrld Offices และโปรเจ็กต์ในอนาคต ได้แก่ Central Park Office ภายในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค และโครงการภายใต้บริษัท GLAND ในย่านพระราม 9 CBD ศักยภาพสูง

นอกจากนี้ เซ็นทรัลพัฒนา ยังเข้าลงทุนร่วมกับบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี สโตร์ อิท จำกัด (JWD Store it!) ในสัดส่วน 30% ภายใต้เงินลงทุน 93.86 ล้านบาท เพื่อขยายเข้าสู่ธุรกิจบริการพื้นที่เก็บของให้เช่า รองรับโอกาสร้านค้า ผู้เช่าพื้นที่ และลูกค้าทั่วไป ซึ่งปัจจุบันมีให้บริการทั้งหมด 6 สาขา มีพื้นที่ให้บริการรวม 13,000 ตร.ม. การลงทุนครั้งนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์บริษัท

อย่างไรก็ตาม สำหรับทิศทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี 2565-2569) บริษัทเดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ทั้งที่ประกาศไปแล้ว และยังไม่ได้ประกาศ ซึ่งมีทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (Mixed-use Development) โครงการที่พักอาศัย รวมถึงแผนการปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มมูลค่า

ที่สำคัญยังต้องบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน และเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน รวมทั้งยังคงศึกษาโอกาสการลงทุนธุรกิจในรูปแบบอื่น การเข้าซื้อกิจการ และการลงทุนในต่างประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ มาเลเซียและเวียดนาม เพื่อขยายช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่ ๆ