JD.com ยักษ์อีคอมเมิร์ซจีน เตรียมถอนตัวจากบริษัทร่วมทุนกลุ่มเซ็นทรัล

JD.com ยักษ์อีคอมเมิร์ซจีน เตรียมถอนตัวจากบริษัทร่วมทุนในไทยและอินโดนีเซีย หันโฟกัสตลาดในประเทศจีน เผยบริษัทร่วมทุนกลุ่มเซ็นทรัล 4 ปี ขาดทุนประมาณ 5,000 ล้านบาท  

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานว่า JD.com ยักษ์อีคอมเมิร์ซจีน เล็งถอนตัวจากการร่วมทุนในอินโดนีเซียและไทยเพื่อโฟกัสตลาดในประเทศมากขึ้น

โดยขณะนี้บริษัทกำลังมองหานักลงทุนเพื่อเข้าลงทุนในบริษัท เจดี ดอท ไอดี (JD.ID) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ Provident Capital กลุ่มทุนสิงคโปร์ ก่อตั้งเมื่อปี 2558 

รวมทั้งกำลังดำเนินการเพื่อถอนตัวจาก JD Central ในประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับกลุ่มเซ็นทรัล  เมื่อปี 2560 ภายใต้ชื่อบริษัท เซ็นทรัล เจดี คอมเมิร์ซ จำกัด

รายงานข่าวระบุว่า JD.com กำลังพิจารณาการถอยห่างจากตลาดหลัก ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากต้องการลดความสูญเสียในภูมิภาค และมุ่งเน้นการดำเนินงานในตลาดบ้านเกิด

JD.com ตั้งใจที่จะถอนตัวจากธุรกิจในอินโดนีเซียและไทย เนื่องจากความพยายามในการสร้างยอดขายเป็นสิ่งที่ท้าทายและยากลำบากมานานหลายปี

ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า ข่าวความพยายามถอนตัวออกจากกิจการร่วมค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ JD.com นั้นได้เริ่มต้นมาจากการรายงานข่าวของสื่อท้องถิ่นจีน Xiaguangshe ที่ได้อ้างแหล่งข่าวระบุว่าการขยายตัวของบริษัทร่วมทุน ทั้งในอินโดนีเซียและไทยมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 10,000 ล้านหยวน (1.39 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ในช่วงกว่า 8 ปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน JD Central ก็ขาดทุนตั้งแต่เปิดตัว ซึ่งข้อมูลระบุว่าใน ระหว่างปี 2560-2564 บริษัทร่วมทุนแห่งนี้มียอดขาดทุนประมาณ 1 พันล้านหยวน หรือราว 5,000 ล้านบาท  

อย่างไรก็ตาม JD.com, Provident Capital และ Central Group ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นกับข่าวนี้ 

ขณะที่การตัดสินใจของบริษัทที่จะถอนตัวออกจากอินโดนีเซียและประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการเติบโตของอีคอมเมิร์ซที่ชะลอตัวลงในตลาดเหล่านี้ ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น

Jianggan Li ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Momentum Works ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีในสิงคโปร์ กล่าวว่าผู้บริโภคทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างระมัดระวังในการใช้จ่าย การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐได้ส่งผลกระทบต่อสกุลเงินท้องถิ่นทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งนำไปสู่การขึ้นราคาสินค้านำเข้าและเชื้อเพลิง ซึ่งทำให้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา JD.ID ได้เลิกจ้างพนักงานกว่า 200 คน เพื่อลดค่าใช้จ่ายและหยุดจ้างงาน