รพ.เอกชนเด้งรับจีนเปิดประเทศ คาดเม็ดเงินสะพัดมหาศาล เฉพาะทำ RT-PCR คน จีน-อินเดีย ก่อนกลับประเทศก็ปาเข้าไปกว่าหมื่นล้านแล้ว เผย “เวลเนส-ไอวีเอฟ” กระแสแรง “เวิลด์เมดิคอล-เมดพาร์ค” ลุยศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก “ยันฮี” มั่นใจศัลยกรรมความงาม 4 หมื่นล้านคึกคัก ทำตาสองชั้น ทำจมูก เสริมหน้าอก แปลงเพศ ยอดฮิตคิวยาวแน่
การประกาศเปิดประเทศของทางการจีนที่เร็วขึ้นกว่าการคาดการณ์ของหลาย ๆ ฝ่าย และไฟเขียวให้ชาวจีนเดินทางออกท่องเที่ยวได้ โดยที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักที่ทางการจีนอนุญาต ไม่เพียงจะทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยมีความคึกคักขึ้นเท่านั้น อีกด้านหนึ่งยังส่งผลให้ธุรกิจโรงพยาบาลเริ่มมีความเคลื่อนไหวในการเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับกลุ่มคนไข้ชาวจีนที่กำลังจะกลับมาในไม่ช้านี้เช่นกัน
- เปิดคำทำนาย “นางมโหธรเทวี” นางสงกรานต์ ปี 2567 ฝนตกในโลกมนุษย์ 30 ห่า
- ไขปม Taobao Thailand เป็นใคร ทำอะไร
- สรุปวิธีใช้เงินดิจิทัล และเงินสด 10,000 บาท ใครขึ้นเงินสดได้บ้าง
แห่เปิด “ไอวีเอฟ” รับลูกจีน
นายแพทย์เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH กลุ่ม รพ.เกษมราษฎร์, เกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล, การุญเวช และเวิลด์ เมดิคอล และนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ล่าสุดขณะนี้เริ่มเห็นภาพของนักท่องเที่ยวและคนไข้ชาวจีนทยอยเดินทางเข้ามามากขึ้น และคาดการณ์ในเบื้องต้นว่า ในช่วง 3 เดือนแรก หลังจีนเปิดประเทศอาจจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาประมาณ 5 แสนคน และจะมีตัวเลขเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 5 ล้านคน และยังจะมีนักท่องเที่ยวจากอินเดียอีกประมาณ 2-3 ล้านคนสำหรับปีนี้
นอกจากธุรกิจท่องเที่ยวที่จะได้รับอานิสงส์โดยตรงแล้ว สำหรับธุรกิจโรงพยาบาลก็จะได้รับผลบวกด้วยเช่นกัน อย่างน้อยที่สุด จากข้อกำหนดของทางการจีนและอินเดีย ที่กำหนดให้ทุกคนต้องตรวจ RT-PCR ก่อนกลับประเทศ ก็จะทำให้ รพ.มีรายได้จากตรงนี้ ซึ่ง รพ.จะคิดค่าบริการเฉลี่ยประมาณ 1,500 บาท
ตอนนี้ รพ.หลาย ๆ แห่งก็ได้เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่เข้ามาและกำลังจะกลับประเทศบ้างแล้ว หรือหากพบว่าติดโควิด-19 ก็จะรักษาตัวในประเทศไทยอีก 5-7 วัน ก็จะมีค่าใช้จ่ายอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเขามีอินชัวรันซ์ประมาณ 1 หมื่นเหรียญ หรือประมาณ 3 แสนบาท (ทั้งอินเดียและจีน) หรือหากนักท่องเที่ยวต้องการจะฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งภาครัฐจะเป็นผู้จัดหาให้ รพ.ก็จะมีบริการในส่วนนี้เช่นกัน
“เบื้องต้นอาจจะพอประเมินได้ว่าธุรกิจโรงพยาบาลจะได้รับอานิสงส์จากตรงนี้ระดับหนึ่ง ส่วนหนึ่งจะมีรายได้จากการตรวจ PCR ให้นักท่องเที่ยวจีนและอินเดียก่อนกลับประเทศ เนื่องจากทางการจีนและอินเดียกำหนดเป็นมาตรการก่อนกลับเข้าประเทศ คิดตัวเลขกลม ๆ ที่ 7 ล้านคน คูณด้วย 1,500 บาท ก็มีเงินหมุนเวียนแล้วกว่า 10,000 ล้านบาท
นายแพทย์เฉลิมกล่าวด้วยว่า ตอนนี้ชาวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศส่วนใหญ่จะมุ่งมาที่เรื่องของการท่องเที่ยว จากช่วงก่อนที่โควิด-19 จะระบาด ชาวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ส่วนใหญ่มาด้วยเรื่องเวลเนส การดูแลสุขภาพ การดูแลตัวเอง เรื่องของความสวยความงาม ตั้งแต่เดือน ก.พ.เป็นต้นไป เวิลด์ เมดิคอล จะเริ่มมีคนไข้ชาวจีนที่มาเป็นกรุ๊ป เข้ามาทำในเรื่องของเวลเนส เข้ามาตรวจเช็กร่างกาย ซึ่ง รพ.ก็จะมีแพ็กเกจต่าง ๆ ออกมารองรับ
รวมทั้งเรื่องของการทำเด็กหลอดแก้ว หรือ IVF สำหรับบางกอกเชนฯ เอง เพื่อรองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวและคนไข้จากจีน ที่คาดว่าจากนี้ไปจะมีปริมาณมากขึ้น รพ.เวิลด์ เมดิคอล จะกลับมาเปิดศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก หลังจากที่ได้เปิดศูนย์นี้ไปแล้วเมื่อก่อนช่วงโควิด-19 และศูนย์นี้ก็จะรองรับกลุ่มคนไข้จากประเทศลิเบีย ที่ รพ.ได้มีการติดต่อประสานงานกับสถานทูตไปแล้ว และอยู่ในขั้นตอนของการทยอยนำคนไข้เข้ามา
“จากดีมานด์ในเรื่องของ IVF ของตลาดจีนที่มีมาก คาดว่า รพ.เอกชนหลาย ๆ แห่งก็จะหันมาเน้นเรื่อง IVF เหมือนกัน เนื่องจากที่ผ่านมาทางการจีนอนุญาตให้คนจีนมีบุตรได้มากกว่า 1 คน จึงทำให้ดีมานด์เรื่องนี้สูงตั้งแต่ก่อนโควิด ซึ่งตอนนี้ก็อั้นมานาน ทำให้เริ่มมีการติดต่อเข้ามาบ้าง แต่อาจจะยังไม่มากนัก ซึ่งตอนนี้ดีมานด์ของชาวจีนหลัก ๆ คือ ต้องการเข้ามาท่องเที่ยวและฉีดวัคซีน mRNA”
ขณะที่นายแพทย์พงษ์พัฒน์ ปธานวนิช รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีพี เฮลท์แคร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และกรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลเมดพาร์ค เปิดเผยว่า ขณะนี้เมดพาร์คเตรียมจะเปิดศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก รวมทั้งได้เตรียมหาล่ามภาษาจีนไว้ และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับเอเย่นต์ในประเทศจีน คาดว่าจะเริ่มเห็นคนจีนทยอยเข้ามามากขึ้นในช่วงตั้งแต่ปลายไตรมาสแรกเป็นต้นไป
“ที่ผ่านมาคนจีนที่เข้ามาใช้บริการของ รพ.ในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่เรื่องของการรักษาภาวะการมีบุตรยากและความสวยความงาม” นายแพทย์พงษ์พัฒน์กล่าว
ศัลยกรรมความงามคึกคัก
นายแพทย์สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลยันฮี กล่าวในเรื่องนี้ว่า การที่ทางการจีนเปิดให้คนจีนเดินทางออกนอกประเทศได้มากขึ้น รวมถึงล่าสุดที่ได้อนุญาตให้มีการเดินทางท่องเที่ยวในลักษณะกรุ๊ปทัวร์ได้ และประเทศไทยก็เป็น 1 ใน 20 ประเทศที่ทางการจีนอนุญาต
นอกจากจะทำให้การท่องเที่ยวของประเทศได้กลับมาฟื้นตัวและเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศแล้ว ในส่วนของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนก็จะได้รับปัจจัยบวกด้วยเช่นกัน และเนื่องจากในจีนไม่มีศัลยกรรมความงามซึ่งคนจีนนิยม ดังนั้น โรงพยาบาลที่ให้บริการด้านศัลยกรรม ความสวยความงาม ประกอบกับคนจีนนั้นอั้นมานาน ก็จะได้รับอานิสงส์ตรงนี้ด้วย การเปิดประเทศของจีนจะทำให้ตลาดศัลยกรรมมีมูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาทคึกคักขึ้น
สำหรับยันฮีตอนนี้ก็ได้ทยอยเตรียมการเพื่อรองรับ เช่น เพิ่มล่ามภาษาจีน เริ่มทำตลาดออนไลน์ จัดแพ็กเกจต่าง ๆ ไว้บริการ ซึ่งส่วนตัวมองว่า หลังจากเทศกาลสงกรานต์ไปแล้วจะเริ่มมีชาวจีนทยอยเข้ามาใช้บริการ เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงแรกที่จีนเพิ่งเปิดประเทศ ดังนั้น คนที่จะเดินทางออกนอกประเทศก็จะต้องมีการเตรียมตัวเตรียมเอกสารก่อนระยะหนึ่ง
“ที่ผ่านมาลูกค้าชาวจีนที่เข้ามาใช้บริการของยันฮีหลัก ๆ เช่น การทำตาสองชั้น ทำจมูก เสริมหน้าอก รวมถึงการแปลงเพศ และคาดว่าปีนี้คนจีนอาจจะเข้ามาจำนวนหนึ่ง และปีหน้าหากไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคคาดว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปีนี้”
นายแพทย์วิทิต อรรถเวชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลปิยะเวท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ช่วงนี้คนไข้ต่างประเทศเริ่มทยอยเข้ามากขึ้น สะท้อนจากตัวเลขคนไข้ชาวต่างประเทศของโรงพยาบาลหลาย ๆ แห่งที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เข้ามาตรวจสุขภาพ ทำศัลยกรรมความงาม ฯลฯ
เช่นเดียวกับปิยะเวทที่ตัวเลขก็เพิ่มเช่นกัน โดยกลุ่มคนไข้หลัก ๆ มาจากตะวันออกกลางซีแอลเอ็มวี เพราะอั้นมานาน และถือเป็นสัญญาณที่ดี ซึ่งขณะนี้ปิยะเวทก็ได้มีการเตรียมการ มีการรับบุคลากรเพิ่มจำนวนหนึ่ง ทั้งฟูลไทม์ และพาร์ตไทม์ เพื่อรองรับคนไข้ต่างประเทศที่คาดว่าจากนี้ไปจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น รวมทั้งกรณีที่จีนประกาศเปิดประเทศ ซึ่งคาดว่าจากนี้ไปจะมีชาวจีนเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ทั้งการเดินทางท่องเที่ยว รักษาตัว ทำธุรกิจ ฯลฯ
สำหรับประเทศไทยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาใช้บริการโรงพยาบาลมากขึ้น โดยจะเริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่เดือน เม.ย.-พ.ค. อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวของเอเย่นต์ที่เข้ามาพูดคุยกับหลาย ๆ โรงพยาบาล เพื่อจะส่งคนไข้เข้ามารับการรักษา โดยเฉพาะเรื่องของการรักษาภาวะการมีบุตรยาก ศัลยกรรมความงาม รวมถึงเวลเนส ซึ่งคนจีนนิยม