บอนชอน ย้ำเจ้าไก่ทอดเกาหลี ทุ่มงบฯผุดสาขา-ลุยไฟติ้งเมนู

บอนชอน
บอนชอน แบรนด์ในเครือ Minor Food

“บอนชอน” เผยไก่ทอด-อาหารเกาหลีฟื้นตัวแรง หลังเทรนด์ revange dine-in ปลุกยอดลูกค้า-ใช้จ่ายพุ่ง เคาะแผนสปีดธุรกิจป้องแชมป์ รับมือตลาดอาหารเกาหลีแข่งดุ ทุ่ม 200 ล้าน ผุด 10 สาขาเจาะ กทม.-ตจว. พร้อมเมนูไฟติ้งเริ่ม 129 บาท จับลูกค้าใหม่-รับมือกำลังซื้อ และสารพัดอาหารเกาหลีตรึงฐานลูกค้า ก่อนจับมือ “ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี” นักร้อง-นักแสดงดัง เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์เจาะลูกค้าวัยรุ่น ย้ำความมั่นใจปี’66 เติบโตไม่น้อยกว่า 20% แน่นอน

นายธนกฤต กิตติพนาชนม์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สพูนฟูล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารเชนร้านไก่ทอดบอนชอน ในเครือเดอะไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป กล่าวว่า ปีนี้ตลาดร้านไก่ทอดซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ของวงการอาหารมีแนวโน้มโตต่อเนื่องจนมีมูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านบาท

โดยนอกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ยังมีปรากฏการณ์อย่างพฤติกรรม revange dine-in หรือคลื่นการกลับมาทานอาหารในร้านที่พบได้ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ทำให้จำนวนลูกค้าและมูลค่าการรับประทานต่อใบเสร็จสูงขึ้น ขณะที่การสั่งกลับบ้านและดีลิเวอรี่ยังคงมีดีมานด์เช่นกัน

ด้านกลุ่มร้านอาหารเกาหลีนั้นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีแรงหนุนจากความนิยมซีรีส์เกาหลีที่เพิ่มขึ้นตลอดช่วงโควิดมาช่วยให้ผู้บริโภครู้จักและอยากลองทานอาหารเกาหลีหลากหลายเมนูมากขึ้น ขณะที่การเข้ามาของผู้เล่นหน้าใหม่ทำให้ตลาดคึกคัก สร้างโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจไม่เพียงแค่ในกรุงเทพฯ แต่รวมถึงต่างจังหวัด

ทั้งนี้เห็นได้จากผลประกอบการของร้านบอนชอนในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจำนวนลูกค้าในสาขาเพิ่มขึ้น พร้อมกับการใช้จ่ายต่อใบเสร็จที่เพิ่มขึ้น 10% เป็นประมาณ 800 บาท และสูงกว่านี้ในสาขาต่างจังหวัด ที่ปัจจุบันมี 10 สาขา อาทิ จันทบุรี เชียงราย อุบลราชธานี เนื่องจากการมากินเป็นครอบครัว ส่วนการกินที่บ้านอยู่ที่ 400-500 บาท ไปในทิศทางเดียวกับร้านอาหารอื่น ๆ ในเครือไมเนอร์ ฟู้ด ที่ผลประกอบการต่างกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนโรคโควิด-19 ระบาดแล้วเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงมีความท้าทายหลายด้านที่ต้องหาทางรับมือ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยนอกประเทศที่อาจกระทบการส่งออก การขาดแคลนแรงงาน และการแข่งขันที่ดุเดือด ส่วนสถานการณ์ต้นทุนวัตถุดิบสูงนั้น เชื่อว่าจะเริ่มคลี่คลายในช่วงครึ่งปีหลัง หลังเห็นสัญญาณราคาทรงตัวในบางกลุ่ม เช่น ผลิตภัณฑ์นม

สำหรับทิศทางปี 2566 นี้ นายธนกฤตเปิดเผยว่า จะต่อยอดกระแสการฟื้นตัวของตลาดมาสร้างการเติบโตให้เร็วและสูงที่สุด พร้อมรับมือการแข่งขัน ด้วยการทุ่มงบฯ 200 ล้านบาท แบ่งเป็น 100 ล้านบาทสำหรับการทำตลาด และอีก 100 ล้านบาท สำหรับเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มอย่างน้อย 10 สาขา เน้นทำเลห้างสรรพสินค้า-คอมมิวนิตี้มอลล์ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดอย่างละครึ่ง ในขนาดประมาณ 150 ตร.ม.ตามปกติ ซึ่งจะทำให้สิ้นปี 2566 บริษัทมีสาขารวมกัน 116 สาขา

พร้อมด้วยยุทธศาสตร์การทำไซซิ่งเพิ่มเมนูไก่ทอดไซซ์เล็ก XS จะมีไก่ 4 ชิ้น ในราคาเริ่มต้น 129 บาท จากเดิมเมนูเล็กสุดไซซ์ S เป็นไก่ 6 ชิ้น ราคา 229 บาท เพื่อให้ลูกค้าใหม่ในต่างจังหวัดตัดสินใจลองทานได้ง่ายขึ้น รวมถึงเพิ่มโอกาสสั่งเมนูอื่นเพิ่มและรับมือสภาพกำลังซื้อไปพร้อมกัน

นอกจากนี้ยังรับมือการแข่งขันกับทั้งร้านไก่ทอดสไตล์เกาหลีที่มีประมาณ 8-9 ราย และร้านอาหารเกาหลีอื่น ๆ ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาด อย่างเพิ่มความหลากหลายของเมนู และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งด้วยประสบการณ์ในร้าน โดยเดินหน้าเพิ่มเมนูอาหารเกาหลีแบบอื่น ๆ นอกเหนือจากไก่ทอดเข้ามาเป็นตัวเลือกให้ลูกค้า เช่น กิมจิอุด้ง ต๊อกบ๊อกกิ รวมถึงเมนูสำหรับการทานคนเดียว เช่น ข้าวหน้าต่าง ๆ ตามแผนเพิ่มการทานในช่วงมื้อกลางวัน ระหว่างวันและมื้อดึก ควบคู่กับการเพิ่มสิทธิประโยชน์จากการสะสมแต้มในแอปพลิเคชั่น Bonchon Thailand เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ามาใช้บริการซ้ำ รวมถึงเพิ่มฐานสมาชิกจาก 3 แสนรายเป็น 2 ล้านราย

“ผู้เล่นประมาณ 8-9 รายในตลาดนั้น แม้บางรายจะเป็นรายใหญ่จากเกาหลี แต่ธุรกิจในไทยยังเพิ่งเริ่มต้น บริษัทจึงยังสามารถรับมือได้ไม่ยากนัก”

ส่วนด้านประสบการณ์ในร้านนั้น ไตรมาส 2 จะเปิดตัวร้านคอนเซ็ปต์ใหม่เพื่อสร้างความแปลกใหม่-ตื่นเต้นในการใช้บริการ พร้อมกันนี้จะย้ำภาพและสร้างการจดจำแบรนด์ร้านไก่ทอดสำหรับวัยรุ่น ด้วยการเปิดตัวแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนแรก คือ “ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี” นักร้อง-นักแสดงยอดนิยมของกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่เจนซี (Gen Z) พร้อมภาพลักษณ์ทันสมัยและเข้าถึงง่าย สอดคล้องกับโพซิชั่นของแบรนด์ โดยจะปูพรมการสื่อสารผ่านช่องทางต่าง ๆ และกิจกรรม อาทิ มีตแอนด์กรี๊ด ต่อเนื่องตลอดทั้งปี


ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สพูนฟูล ย้ำความมั่นใจว่า ด้วยยุทธศาสตร์ของปี’66 ทั้งการขยายสาขาและเพิ่มเมนู รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุน อย่างการใช้ขนาดธุรกิจของเครือไมเนอร์ฯ จัดซื้อวัตถุดิบปริมาณมากช่วยให้ได้ดีลดีขึ้น รวมถึงลดการขายเมนูที่ต้นทุนสูงลง และการผนึกสถาบันการศึกษารับมือปัญหาแรงงาน จะหนุนให้รายได้ของบอนชอนเติบโตในระดับมากกว่า 20% ซึ่งสูงกว่าแบรนด์อื่น ๆ ในเครือไมเนอร์ ฟู้ด ที่จะเติบโตเฉลี่ย 15% และสูงกว่าช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 แม้จะมีฐานที่สูง เพราะปี’65 ที่ผ่านมาคาดว่าเติบโตได้ถึง 20% ไปแล้วก็ตาม