เดอะพิซซ่าบุกตลาดไก่ทอด ปั้น ‘ชิคอะบูม’ ชิง3หมื่นล้าน

ไก่ทอด เดอะ พิซซ๋า
ชิค-อะ-บูม บิ๊กชิค จาก เดอะ พิซซ่า คอมปะนี

เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ท้าชิงส่วนแบ่งเจ้าตลาดไก่ทอด 3 หมื่นล้าน ล่าสุดเปิดตัว “ชิค-อะ-บูม บิ๊กชิค” ชูจุดขายไก่กรอบแป้งคราฟต์ รสชาติจัดจ้าน ท้าชนเจ้าตลาด ในราคาเริ่มต้น 45-419 บาท พร้อมปูพรมป็อปอัพสโตร์ ทั้งกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่-วัยทำงาน หวังกระตุ้นยอดขายไก่ทอดเติบโต 60%

นายภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินการของบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่อยู่มากว่า 2 ปี ทำให้ตลาดฟู้ดดีลิเวอรี่เติบโตขึ้น

โดยเฉพาะธุรกิจไก่ทอดที่เป็นเซ็กเมนต์ใหญ่สุดในตลาดร้านอาหารจานด่วน (QSR-quick service restaurants) ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่มากถึง 50% หรือมีมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวม 4 แสนล้านบาท มีแนวโน้มเติบโตทุกปี

เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ยังนิยมเลือกทานอาหารบริการด่วนเพิ่มขึ้น แม้ว่าโควิดจะเริ่มผ่อนคลายแล้วบ้าง แต่ยังมีผู้บริโภคบางกลุ่มที่มีพฤติกรรมการสั่งดีลิเวอรี่ เพราะความสะดวกและรวดเร็ว

เพื่อรองรับโอกาสดังกล่าวเดอะ พิซซ่าฯจึงได้ขยายกลุ่มเมนูไก่ทอดให้หลากหลายขึ้น ซึ่งเป็นการต่อยอดจากช่วงต้นปี 2565 ที่่ได้เปิดตัวซับแบรนด์ ภายใต้ชื่อ ชิค-อะ-บูม ไก่ราดซอส 7 รสชาติ ในรูปแบบพ็อปอัพสโตร์ แบรนด์ไก่ทอดขายในพื้นที่เดียวกันกับเดอะพิซซ่า คอมปะนี ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

ล่าสุด จึงเปิดตัวเมนู “ชิค-อะ-บูม บิ๊กชิค”ไก่กรอบแป้งคราฟต์ ชูจุดขายไก่กรอบไซซ์ใหญ่ที่พัฒนามาจากแป้งคราฟต์สูตรเฉพาะ รวมไปถึงรสชาติของเครื่องเทศที่เป็นเอกลักษณ์ มีให้เลือกตั้งแต่ส่วนน่อง สะโพก อก และปีก ราคาเริ่มต้น 45-419 บาท ทั้งในรูปแบบการสั่งเป็นชิ้นกับสั่งเป็นเซต

ควบคู่กับจัดโปรโมชั่นไก่คู่กับพิซซ่าถาดกลาง หน้าคลาสสิก 5 ชิ้น ในราคา 429 บาท เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะวัยรุ่นที่ไม่ชอบความจำเจ และกลุ่มเฟิรสต์จ็อบเบอร์ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก อีกทั้งยังต้องการสร้าง customer experience ทำให้ลูกค้ารู้สึกตื่นเต้นไปกับแบรนด์ด้วย

นายภาณุศักดิ์กล่าวต่อว่า เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 1 เป็นต้นไป เตรียมขยายพ็อปอัพสโตร์ รวมกว่า 15 สาขา ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ พัทยา ขอนแก่น นครราชสีมา ฯลฯ ใช้งบฯลงทุน 4 แสนบาทต่อสาขา โดยร้านจะอยู่ภายในบริเวณเดียวกับร้านเดอะ พิซซ่าฯกว่า 220 สาขาทั่วประเทศ

“ที่ผ่านมาเดอะ พิซซ่าฯมีเมนูปีกไก่ทอด ทั้งไก่เกาหลี ไก่บาร์บีคิว อยู่บ้างแต่เป็นสัดส่วนที่ไม่มาก ซึ่งจากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการเลือกสั่งเมนูอาหารเดอะ พิซซ่าฯส่วนใหญ่จะเลือกสั่งเมนูไก่ มาทานคู่กัน ซึ่งจะเป็นการต่อยอดฐานกลุ่มผู้บริโภคที่มีอยู่เดิมให้เพิ่มมากขึ้น”

นอกจากนี้ ยังได้วางแผนจำหน่ายทั้งหน้าร้านและช่องทางดีลิเวอรี่ จากช่วงเริ่มต้นที่เปิดตัวแบรนด์ ชิค-อะ-บูม ไม่ได้ขายในดีลิเวอรี่ เพราะต้องการจะดึงลูกค้ากลับเข้ามาใช้บริการในร้าน

แต่ปัจจุบันทราฟฟิกการกลับมานั่งทานในร้านมีเพียง 60% เท่านั้น ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายแบ่งเป็นช่องทางดีลิเวอรี่ 50% ซื้อกลับบ้าน 30% และนั่งทานที่ร้าน 20% จากเดิมก่อนโควิดมีส่วนสัดเท่า ๆ กันที่ 30%

ขณะที่แบรนด์เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ต้องให้ความสำคัญควบคู่กันไป เน้นบริหารงานภายใต้กลยุทธ์ marketing และ innovation โดยจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ควบคู่กับการจัดโปรโมชั่นเพื่อขับเคลื่อนตลาด

และช่วยเพิ่มความถี่ในการเข้าร้าน 2.5 ครั้งต่อเดือน จากเดิม 1 ครั้งต่อเดือน มีค่าใช้จ่ายประมาณ 500-600 บาทต่อบิล ส่วนแผนการขยายสาขาต้องชะลอไว้ก่อน โดยภาพรวมยอดขายเดอะ พิซซ่าฯในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาเติบโตขึ้น 5-6%

จากสถานการณ์โควิดเริ่มดีขึ้น ผู้คนเดินทางออกนอกบ้านมากขึ้นรวมทั้งการสั่งอาหารดีลิเวอรี่เพื่อสังสรรค์ในช่วงเทศกาลสำคัญ คาดการณ์ว่าทั้งปีจะเติบโตเพิ่มขึ้น จากอานิสงส์เปิดประเทศที่คาดว่าจะมีชาวต่างประเทศเข้ามามากขึ้น

“ปีนี้คาดว่า เดอะ พิซซ่าฯจะมียอดขายกลับสู่ภาวะปกติราว ๆ 7,000 ล้านบาท หลังจากปี 2564 ที่ผ่านชะลอตัวลงจากผลกระทบโควิด-19 ตลอดจนมาตรการล็อกดาวน์ จึงต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับสภาพตลาด รวมไปถึงการบริหารราคาต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นต่อเนื่อง”นายภาณุศักดิ์กล่าว