ซีรีส์อินเดียท่วมจอ ช่องน้อยใหญ่แห่ซื้อ…กู้วิกฤต

คอลัมน์ จับกระแสตลาด

แรงไม่แพ้ แม่หญิงการะเกดแห่งบุพเพสันนิวาส สำหรับกระแสซีรีส์อินเดียที่ยังฮอตยาวข้ามปี หลังจากช่อง 8 จุดพลุด้วยการนำซีรีส์ฟอร์มใหญ่ “ศึกสีดาราม” มาออนแอร์เมื่อปีก่อน และสร้างเรตติ้งโกยรายได้ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ พร้อม ๆ กับดึงคนดูกลุ่มใหม่ ๆ ให้มาติดตามช่อง 8 ได้อย่างมากมาย

แม้จะเป็นที่รับรู้ของคนในวงการว่า คอนเทนต์นั้นถือเป็นต้นทุนที่หนักโขที่ทีวีดิจิทัลทุกช่องจะต้องลงทุนในแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 700-800 ล้านบาท

แต่ข้อดีของการซื้อคอนเทนต์ต่างประเทศมาออนแอร์อย่างหนึ่ง คือ มีต้นทุนต่ำ เมื่อเทียบกับการจะลงทุนสร้างละครขึ้นมาสักเรื่อง แต่ออกอากาศเฉพาะในไทย ทำให้ช่องต้องแบกรับต้นทุนไว้เพียงรายเดียว ขณะที่คอนเทนต์ต่างประเทศ 1 เรื่อง ขายไปทั่วโลก

ขณะเดียวกัน คอนเทนต์จากอินเดียที่ไหลเข้ามาในไทยตอนนี้ ส่วนใหญ่เป็นละคร ซึ่งเป็นคอนเทนต์ที่คนดูไทยชื่นชอบ สอดรับกับภาพรวมของทีวีดิจิทัลที่การแข่งขันแรงขึ้นทุกวัน ๆ ต้นทุนก็พุ่งขึ้นเรื่อย ๆ

Advertisment

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทีวีดิจิทัลหลาย ๆ ช่องต้องเฟ้นหาคอนเทนต์ใหม่ ๆ มาเติมอยู่เสมอ เพื่อตรึงคนดูให้ได้ พร้อม ๆ ช่วยแบ่งเบาภาระลดต้นทุนได้อีกทางหนึ่ง

แหล่งข่าวจากธุรกิจทีวีดิจิทัล กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้คอนเทนต์อินเดียกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ หากสังเกตจะเห็นว่า ตอนนี้มีหลาย ๆ ช่อง นำคอนเทนต์อินเดียมาออกอากาศพร้อม ๆ กัน ประกอบกับมีเนื้อหาที่แตกต่างไปจากละครไทย ทำให้ผู้ชมรู้สึกแปลกใหม่ ขณะที่ช่องเองก็ไม่ต้องใช้งบฯลงทุนจำนวนมาก เพราะเมื่อเทียบกับละครไทยแล้วถือว่าใช้งบฯลงทุนต่ำกว่า

“สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารช่อง 8 ระบุว่า ซีรีส์อินเดียที่ช่อง 8 นำมาออกอากาศเมื่อปีที่ผ่านมา ช่วยสร้างกระแส สร้างเรตติ้งให้แก่ช่องได้ดี และเป็นกระแสที่แรงต่อเนื่อง ปีนี้ช่อง 8 ก็จะนำซีรีส์อินเดียมาออกอากาศอีก 10 เรื่อง ใช้งบฯกว่า 500 ล้านบาท

ด้านความเคลื่อนไหวของช่อง 3 ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ก็ได้นำซีรีส์อินเดียเข้ามาเสริมในช่วงละครเย็น เวลา 18.20-19.05 น. ประเดิมเรื่องแรก “นาคิน”

Advertisment

“ประชุม มาลีนนท์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารช่อง 33 เอชดี ช่อง 28 เอสดี และช่อง 13 แฟมิลี่ บอกว่า ซีรีส์อินเดียเรื่องนาคิน ได้รับการตอบรับดีจากผู้ชมและมีเรตติ้งที่ดี ล่าสุด ผนึกเจเคเอ็นฯ เติมคอนเทนต์อินเดียอีก 14 เรื่อง เช่น มหาภารตะ พระพุทธเจ้า เป็นต้น ภายใต้งบฯ 800 ล้านบาท

สอดรับกับ “จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจซื้อขายคอนเทนต์จากหลายประเทศ เช่น อินเดีย เกาหลี เป็นต้น ให้มุมมองว่า ตอนนี้ซีรีส์อินเดียกำลังได้รับความนิยมจากผู้ชมคนไทย ปัจจัยหลัก ๆ มาจากมีความแปลกใหม่ ทั้งตัวนักแสดง โปรดักชั่นใหญ่ มีคุณภาพ โลเกชั่นแปลกตาสำหรับผู้ชมไทย รวมถึงเนื้อหาที่หลากหลาย ไม่จำกัดเฉพาะแค่โรแมนติกดราม่าเท่านั้น

“ละครเป็นแม็กเนตสำคัญในการเพิ่มเรตติ้งให้กับช่องทีวีของไทยมานาน ขณะที่ผู้ชมไทยเองก็เริ่มมองหาความแปลกใหม่ ทำให้ซีรีส์อินเดียได้รับความนิยม ประกอบกับซีรีส์อินเดียยุคใหม่ที่ฉีกตลาดออกไป มีความเป็นโมเดิร์นมากขึ้น โดยเฉพาะโปรดักชั่นคุณภาพสูงเทียบเท่าสตูดิโอระดับฮอลลีวูด นอกจากนี้ ความใกล้ชิดทางวัฒนธรรม เช่น ตำนานรามเกียรติ์และความเชื่อเทพฮินดูยังช่วยให้ผู้ชมชาวไทยเปิดรับและเข้าใจเนื้อหาได้ง่าย จึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ”

“จักรพงษ์” กล่าวต่อว่า อีกปัจจัยที่ทำให้ซีรีส์อินเดียได้รับความนิยม คือ การปรับให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการดูคอนเทนต์ของผู้ชมไทย ถือเป็นหัวใจสำคัญ ในฐานะที่บริษัทเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์คอนเทนต์อินเดีย จึงต้องคัดเลือกนักพากย์ให้เข้ากับแคแร็กเตอร์ของตัวละคร พร้อมทั้งเรียบเรียงเพลงประกอบ แปลบทและชื่อตัวละครให้ออกเสียงง่าย ช่วยให้ผู้ชมเข้าใจ จดจำตัวละครได้เร็ว รวมถึงคัดแนวละครที่เหมาะสมให้กับแต่ละช่อง เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงผู้ชมให้สูงที่สุด

ปัจจุบันมีช่องทีวีดิจิทัลหลายช่องติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดนอกจากเซ็นสัญญากับช่อง 3 จำนวน 14 เรื่อง และยังมีช่องอื่น ๆ รอเซ็นสัญญาอีกอย่างน้อย 7 ราย

ทั้งหมดนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของกระแสซีรีส์อินเดียในไทย แต่ต้องรอดูกันว่า กุญแจดอกนี้จะเข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์ของทีวีดิจิทัลที่กำลังย่ำแย่ในขณะนี้ได้หรือไม่ และจะรักษาความนิยมไว้ได้นานแค่ไหน