
ธุรกิจสินค้าสัตว์เลี้ยง 4 หมื่นล้าน โตแกร่งแม้หมดโควิดลุ้นแตะ 6 หมื่นล้านใน 3 ปี ด้านอาหารพรีเมี่ยมแมส-ขนมแมวมาแรง หลังเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อหนุนทาสหมาแมวมองหาความคุ้ม ด้านร้าน pet shop ผุดพรึ่บทั่วประเทศหวังรับดีมานด์
นางสาวสวิตา วิเศษรัตน์ ผู้จัดการแบรนด์วิสกัส เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย บริษัท มาร์ส ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสุนัขและแมว แบรนด์เพดดิกรี, วิสกัส และไอแอมส์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แม้การระบาดของโควิด-19 จะลดลงและผู้บริโภคเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติแล้ว แต่ตลาดสัตว์เลี้ยงยังคงมีดีมานด์แข็งแกร่ง ทั้งอาหารสุนัขและอาหารแมวซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ของตลาด สะท้อนจากช่วงไตรมาสแรก มูลค่าตลาดเติบโต 12% ส่วนปริมาณเติบโต 1% ต่อเนื่องจากปี 2565 ที่ตลาดโตระดับเลขสองหลักแม้ราคาสินค้าทั้งตลาดจะสูงขึ้นตามสภาพเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ปัจจัยราคาสินค้าที่สูงขึ้น ขณะที่การแข่งขันราคาสินค้า-ค่าส่งของอีคอมเมิร์ซลดลง เริ่มส่งผลให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมหรือชะลอการใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นหันไปซื้อสินค้าจากร้านออฟไลน์ มองหาความคุ้มค่ามากขึ้น เช่น การซื้อแบบถุง 3 กิโลกรัม จากเดิม 1 กิโลกรัม รวมถึงอาจลดการใช้จ่ายกับของเล่นสัตว์เลี้ยงลงเพื่อผันเงินไปยังอาหารและขนม
พรีเมี่ยมแมส-ขนมมาแรง
นางสาวสวิตากล่าวว่า กระแสเน้นความคุ้มค่านี้ทำให้คาดว่าอาหารสัตว์ระดับพรีเมี่ยมแมส หรือระดับราคาประมาณ 200 บาทขึ้นไป แต่ไม่ถึงระดับพันบาท จะเป็นกลุ่มที่มีดีมานด์สูง เนื่องจากผู้บริโภคต้องการให้สัตว์เลี้ยงกินอาหารที่ดีขึ้นในราคาที่จับต้องได้ ขณะเดียวกันมีผู้ผลิตที่เห็นแนวโน้มนี้และเข้าร่วมกระแสจำนวนมากทั้งรายใหญ่ข้ามชาติอย่าง เนสท์เล่ และแบรนด์ไทย เช่น อาร์เอส ส่วนบริษัทเองมีแบรนด์ ไอแอมส์ ที่เน้นการพัฒนาสูตรโดยสัตวแพทย์
“ศักยภาพของเซ็กเมนต์อาหารพรีเมี่ยมแมสนี้สะท้อนชัดเจนจากการที่ 5 ผู้เล่นใหญ่ของวงการต่างเข้ามาแข่งขันกันพร้อมหน้า รวมถึงมีแบรนด์ใหม่ ๆ ที่อาศัยการโออีเอ็ม และขายผ่านออนไลน์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง”
นอกจากนี้ ขนมสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะขนมแมวเป็นอีกเซ็กเมนต์ที่มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นขนมแมวเลียหรือขนมแบบชิ้น แม้จะมีสัดส่วนประมาณ 10% ของตลาด ขณะที่อาหารเม็ดอยู่ที่ 60% และเปียก 30% แต่มีการเติบโตเร็วโดยเติบโต 13% ตามหลังอาหารเม็ดที่โต 20% และสูงกว่าอาหารเปียกซึ่งโต 10% การเติบโตนี้เป็นเพราะกระแสนิยมเลี้ยงแมว ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่ติดเจ้าของเหมือนสุนัข ทำให้ผู้เลี้ยงต้องใช้ขนมเพื่อดึงความสนใจของแมว ทำให้มีโอกาสที่ขนมอาจจะขยับมามีสัดส่วนถึง 15% ได้
ร้านสินค้าสัตว์เลี้ยงผุดเพียบ
นอกจากอาหารและขนมแล้ว จำนวนร้านอาหาร-สินค้าสัตว์เลี้ยงยังเติบโตด้วยเช่นกัน โดยนางสาวสวิตากล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาบนเฟซบุ๊กทั้งแบรนด์วิสกัสและเพดดีกรี แต่ละเดือนมีผู้สนใจเปิดร้านสินค้าสัตว์เลี้ยงโพสต์สอบถามเกี่ยวกับการติดต่อเซลส์ของบริษัทเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับกระแสดีมานด์อาหารสัตว์เลี้ยงในต่างจังหวัดที่เพิ่มขึ้น หลังผู้บริโภคเริ่มเข้าใจว่าสัตว์เลี้ยงไม่สามารถทานอาหารแบบเดียวกับมนุษย์ได้
โดยบริษัทจะเน้นสร้างฐานลูกค้ารุ่นใหม่ ด้วยการส่งสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ เจาะกลุ่มลูกสุนัขและลูกแมวเพื่อสร้างลอยัลตี้ พร้อมลุยสร้างทั้งยอดขายและชิงส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม อาศัยการทำโปรโมชั่นที่แตกต่างกันในช่องทางโมเดิร์นเทรดและร้านค้าทั่วไป และพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัด พร้อมสื่อสารสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ของการให้สัตว์เลี้ยงทานอาหารที่เหมาะสม ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายปี 2566 ให้เติบโตระดับเลขสองหลักต่อเนื่องจากปีที่แล้วได้
ไปในทิศทางเดียวกับร้านเพ็ทอัส ซึ่งนางสาวโชติมา ลาภเวโรจน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการแผนกสินค้าอุปโภค โลตัส และผู้อำนวยการร้านเพ็ทอัส ซึ่งมี 10 สาขาทั่วประเทศ กล่าวว่า ปี 2566 นี้มีแผนขยายสาขาเพิ่มอีกกว่า 20 สาขา ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด ทั้งแบบ standalone ในสาขาของโลตัส มีสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงและบริการอาบน้ำตัดขนและสัตวแพทย์ครบวงจร และแบบร้านขนาดย่อมในพื้นที่ไฮเปอร์มาร์เก็ต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่
นอกจากนี้ยังมุ่งให้ร้านเป็นศูนย์รวมของผู้เลี้ยงสัตว์สำหรับมาพบปะรวมกลุ่มและทำกิจกรรม ด้วยการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการรวมกลุ่มสายพันธุ์เพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน การแข่งขันให้สัตว์เลี้ยงได้ปล่อยพลังงาน รวมถึงเชิญโค้ชและผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ อาทิ การฝึกสุนัข เคล็ดลับและความรู้ด้านการเลี้ยงงู เป็นต้น
เนื่องจากปัจจุบัน ผู้เลี้ยงสัตว์มีความต้องการหลากหลายมากขึ้น นอกจากอาหารแล้ว ขนมทานเล่นและของขบเคี้ยวต่างมียอดขายเติบโตขึ้นมาก แสดงให้เห็นว่าลูกค้าให้ความสำคัญกับการดูแลสัตว์เลี้ยง นอกเหนือจากสิ่งที่เป็นปัจจัยพื้นฐานอย่างอาหาร
ลุ้นตลาดโตแตะ 6 หมื่นล้าน
จากการเติบโตทั้งสินค้าและร้านค้านี้ ทำให้มูลค่าตลาดโตต่อเนื่องด้วยเช่นกัน นายวิโรจน์ ลิมตราจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีว่า พรีเมี่ยม เพ็ท สโตร์ จำกัด ผู้บริหารร้านเพ็ท เลิฟเวอร์ และ เพ็ท ซาฟารี ซึ่งมีสาขารวมกัน 20 สาขาทั่วประเทศ กล่าวว่า แม้ข้อมูลมูลค่าตลาดจะมีหลายสำนัก แต่สิ่งที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันคือ ตลาดมูลค่าประมาณ 4 หมื่นล้านบาท มีโอกาสเติบโตเป็น 6 หมื่นล้านบาทได้ในอีก 3-4 ปี
เนื่องจากการเลี้ยงสัตว์นั้นไม่ใช่กิจกรรมระยะสั้น 1-2 ปี แต่อาจยาวนานถึง 15-20 ปี เช่น สุนัขและแมว ทำให้ผู้เลี้ยงมีความผูกพันมากเหมือนเป็นผู้ปกครองของสัตว์เลี้ยง
นอกจากนี้การเลี้ยงสัตว์ยังง่ายขึ้นมาก ไม่ว่าจะอุปกรณ์หรืออาหารต่างหาซื้อง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีกระแสนิยมการใช้สินค้าเหมือนกันระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยงอีกด้วย ทำให้ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จะเห็นการออกสินค้าใหม่ ๆ ทั้งอาหารสัตว์ ขนม อุปกรณ์ของใช้ ไปจนถึงการเปิดร้านสินค้าสัตว์เลี้ยง และคลินิกค่อนข้างเยอะ นำไปสู่การเติบโตต่อเนื่องของตลาด