ธุรกิจสัตว์เลี้ยง ดาวรุ่งปี 2565 แห่ลงทุนกิจการเติบโตถึง 91%

สัตว์เลี้ยง สุนัข

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยปี 2565 นักธุรกิจชาวไทยแห่ลงทุน “ธุรกิจบริการดูแลสัตว์เลี้ยง” เพิ่มขึ้นกว่า 91% เติบโตต่อเนื่องติดต่อกัน 3 ปี พร้อมเตือนนักลงทุนควรนำเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือตอบโจทย์ผู้บริโภค

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันสังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีครอบครัว ครองตัวเป็นโสด สังคมผู้สูงอายุ และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้มีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น การเลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อนจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญและมีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจบริการดูแลสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

ปี 2563-2565 ธุรกิจบริการดูแลสัตว์เลี้ยงมีอัตราการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้น ปี 2563 จดทะเบียนจัดตั้ง 63 ราย ทุนจดทะเบียน 101.90 ล้านบาท ปี 2564 จัดตั้ง 68 ราย (เพิ่มขึ้น 5 ราย หรือร้อยละ 8) ทุน 119.13 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 17.23 ล้านบาท หรือ 17%) ปี 2565 จัดตั้ง 130 ราย (เพิ่มขึ้น 62 ราย หรือ 91%) ทุน 210.35 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 91.22 ล้านบาท หรือ 77%)

สินิตย์ เลิศไกร
สินิตย์ เลิศไกร

ผลประกอบการธุรกิจ โดยรายได้รวมของธุรกิจ ปี 2562 อยู่ที่ 2,933.51 ล้านบาท กำไร 57.63 ล้านบาท ปี 2563 รายได้รวม 3,512.44 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 578.93 ล้านบาท หรือ 20%) กำไร 46.31 ล้านบาท (ลดลง 11.32 ล้านบาท หรือ 20%) และปี 2564 รายได้รวม 4,267.72 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 755.28 ล้านบาท หรือ 22%) กำไร 127.76 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 81.45 ล้านบาท หรือ 176%)

ปัจจุบันธุรกิจบริการดูแลสัตว์เลี้ยงที่ดำเนินกิจการอยู่ในประเทศไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีจำนวน 562 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.06 ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินการอยู่ และมีมูลค่าทุน 1,359.60 ล้านบาท คิดเป็น 0.006% ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินการอยู่ในประเทศไทย ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 243 ราย (ร้อยละ 43.24) ทุนจดทะเบียน 679.88 ล้านบาท (ร้อยละ 50.01)

รองลงมาคือ ภาคกลาง 130 ราย (ร้อยละ 23.13) ทุน 228.36 ล้านบาท (ร้อยละ 16.80) ภาคตะวันออก 49 ราย (ร้อยละ 8.72) ทุน 80.08 ล้านบาท (ร้อยละ 5.89) ภาคเหนือ 46 ราย (ร้อยละ 8.18) ทุน 68.90 ล้านบาท (ร้อยละ 5.07) ภาคใต้ 45 ราย (ร้อยละ 8.01) ทุน 236.60 ล้านบาท (ร้อยละ 17.40) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 30 ราย (ร้อยละ 5.34) ทุน 39.20 ล้านบาท (ร้อยละ 2.88) และภาคตะวันตก 19 ราย (ร้อยละ 3.38) ทุน 26.58 ล้านบาท (ร้อยละ 1.95)

ธุรกิจบริการดูแลสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของคนไทย มีมูลค่าการลงทุน 1,334.93 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 98.19 ของการลงทุนในธุรกิจทั้งหมด ขณะที่การลงทุนจากต่างชาติสูงสุดคือจีน มูลค่า 5.15 ล้านบาท (ร้อยละ 0.38) รองลงมาคือญี่ปุ่น มูลค่า 5.02 ล้านบาท (ร้อยละ 0.37) อังกฤษมูลค่า 3.88 ล้านบาท (ร้อยละ 0.29) และอื่น ๆ มูลค่า 10.62 ล้านบาท (ร้อยละ 0.77)

การลงทุนของผู้ประกอบการในธุรกิจบริการดูแลสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับปริมาณการขายอาหารสัตว์และมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดยปริมาณการขายอาหารสัตว์ตั้งแต่ปี 2560-2564 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปี 2564 เพิ่มขึ้น 13% จากปีที่ผ่านมา (2563) ขณะที่ปี 2565 คาดว่าจะมีปริมาณการขายอาหารสัตว์ในตลาดราว 929 ล้านกิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ประมาณ 8%

โดยจำนวนอาหารสัตว์ในตลาดสอดคล้องกับจำนวนการเลี้ยงสัตว์ที่เพิ่มมากขึ้นของสังคมไทย ลักษณะของอาหารสัตว์มีการแบ่งประเภทมากขึ้น เช่น โรคเฉพาะของสัตว์เลี้ยง การบำรุงเฉพาะส่วน และตามอายุของสัตว์เลี้ยง ซึ่งสนับสนุนธุรกิจบริการดูแลสัตว์ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและการบริการที่หลากหลาย

หากพิจารณาแนวโน้มมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงพบว่าปี 2564 มีมูลค่าสูงถึง 44,592 ล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าในปี 2569 ตลาดสัตว์เลี้ยงจะมีมูลค่าสูงถึง 66,748 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 8.4% ซึ่งเป็นปัจจัยบวกให้กับธุรกิจบริการดูแลสัตว์เลี้ยงด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการธุรกิจบริการดูแลสัตว์เลี้ยงควรมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพิ่มช่องทางการให้บริการ โดยนำเทคโนโลยีมาช่วยในการดำเนินธุรกิจ และพัฒนารูปแบบการให้บริการใหม่ ๆ ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า

เช่น การให้บริการโดยคำนึงถึงความสะอาด มีมาตรฐาน ใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถติดตามสัตว์เลี้ยงได้ 24 ชั่วโมง มีบริการที่ครบวงจร และให้ความสำคัญกับการรักษาโรคของสัตว์เลี้ยง ทั้งโรคทั่วไปและเฉพาะทาง รวมทั้งธุรกิจต้องคำนึงถึงการบริหารต้นทุน และใส่ใจการบริการที่เป็นเลิศ เพื่อดึงลูกค้าให้กลับมาใช้บริการซ้ำ ส่งผลให้ผู้ใช้บริการเกิดความประทับใจ และธุรกิจสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง