โอกิลวี่ชี้เทรนด์โฆษณาแรง สร้างแบรนด์แทนแข่งราคา

จิรวรา วีรยวรรธน

“โอกิลวี่” ชี้เทรนด์ตลาดโฆษณาไตรมาส 2 โตต่อเนื่อง ผลเลือกตั้งกระทบระยะสั้น พร้อมเผยเทรนด์ สร้างแบรนด์มาแรง หลังหลายธุรกิจอิ่มตัวแข่งราคา-ฟังก์ชั่นไม่ไหว หันเน้นด้านสังคม-สิ่งแวดล้อม หวังจับใจคนรุ่นใหม่ เดินหน้าปรับโครงสร้าง-ยุทธศาสตร์งานโฆษณาชิงความได้เปรียบ มั่นใจรายได้ปี’66 โตแน่

นางสาวจิรวรา วีรยวรรธน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โอกิลวี่ ประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มการใช้เม็ดเงินโฆษณาของธุรกิจในช่วงไตรมาส 2 นี้น่าจะยังเป็นบวก เนื่องจากปัจจัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการที่ทุกรายได้เห็นว่าแบรนด์ที่ลงทุนการตลาดต่อเนื่องตลอดช่วงโควิด ทำให้สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน สะท้อนจากไตรมาส 3/2565 และไตรมาส 1/2566 ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งการจับจ่ายของผู้บริโภคและการใช้งบฯของธุรกิจเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงทำให้เชื่อว่าครึ่งปีแรกเม็ดเงินโฆษณาจะเติบโตด้วย

อย่างไรก็ตาม หากมีการชะลอตัวช่วงหลังการเลือกตั้ง คาดว่าจะเกิดเพียงช่วงสั้น ๆ และเป็นเพราะธุรกิจต่างชะลอการลงทุนด้านการตลาดเพื่อปรับยุทธศาสตร์ให้สอดรับกับผลการเลือกตั้ง และสถานการณ์ของตลาดมากกว่าจะเป็นสาเหตุด้านความเชื่อมั่น

สำหรับเทรนด์การตลาดที่มาแรงในปีนี้จะเป็นการสร้างแบรนด์ ที่กลายเป็นเป้าหมายทางการตลาดของหลายธุรกิจ โดยเชื่อว่าเป็นเพราะหลายวงการเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว หลังการแข่งขันดุเดือดทำให้ผู้เล่นแต่ละรายไม่สามารถสร้างความแตกต่างด้านราคา หรือตัวสินค้าได้มากนัก จึงต้องหันมาสร้างมูลค่าและจุดแข็งเพิ่มด้วยการสร้างแบรนด์แทน ไม่ว่าจะเป็นการนำประเด็นสิ่งแวดล้อม ปัญหาสังคม ฯลฯ มาผสานกับแบรนด์ รวมถึงเน้นการสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้ามากกว่าการเล่าเรื่องอย่างเดียว และการสื่อสารแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย

ขณะเดียวกันความต้องการของผู้บริโภคเองเปลี่ยนแปลงไปในแนวทางคล้ายกัน คือ ให้น้ำหนักกับแบรนด์ที่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของตนดีขึ้น รวมถึงสร้างความยั่งยืนให้กับโลกไปพร้อมกันด้วย

ทั้งนี้ความต้องการใช้แนวทางการทำการตลาดแบบใหม่นี้ มาแรงในกลุ่มธุรกิจ อาทิ ธนาคาร รถยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค ค้าปลีกและค้าปลีกออนไลน์

“เทรนด์นี้ทำให้แบรนด์ต้องสร้างการรับรู้ใน 3 ด้าน คือ การช่วยให้ผู้คนมีชีวิตดีขึ้น สะดวกสบายขึ้น และประสบความสำเร็จในชีวิตมากขึ้น ขณะเดียวกันต้องทำให้สังคม ชุมชน และโลกน่าอยู่ขึ้น อีกทั้งต้องทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อผู้บริโภคทั้งด้านความคิดและการใช้ชีวิตด้วย”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โอกิลวี่ กล่าวถึงนโยบายการดำเนินงานหลังจากนี้ไปว่า เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์ใหม่ บริษัทเน้นแนวทางการพัฒนากลยุทธ์ใน 3 ด้าน คือ impact thinking สร้างการรับรู้และความเข้าใจเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย impact content ผนวกคอนเทนต์กับบริบทต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แบบถูกที่ถูกเวลา และ impact result สร้างงานให้มีคุณค่าต่อผู้บริโภค สังคม และธุรกิจ พร้อมปรับโครงสร้างเป็น 5 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย โฆษณา ประชาสัมพันธ์ สร้างประสบการณ์ลูกค้า ที่ปรึกษาทางธุรกิจ และสุขภาพ ซึ่งจะทำงานประสานกันแบบไร้รอยต่อ เพื่อสร้างชิ้นงานที่ตอบโจทย์ของลูกค้าได้ดีที่สุด

“มั่นใจว่าการปรับโครงสร้าง และแนวทางการสร้างแคมเปญในรูปแบบใหม่จะช่วยให้รายได้ปี 2566 นี้เติบโตขึ้น โดยแม้ธุรกิจโฆษณาและประชาสัมพันธ์จะยังเป็นฐานรายได้หลัก แต่ธุรกิจสร้างประสบการณ์ลูกค้า และธุรกิจสุขภาพ ที่เป็นหน่วยธุรกิจใหม่จะเป็นส่วนที่เติบโตเร็วระดับเท่าตัว และเป็นตัวสร้างรายได้เพิ่ม เนื่องจากมีดีมานด์สูง ซึ่งบริษัทมีแผนลงทุนเพิ่มเพื่อเสริมแกร่ง สร้างความได้เปรียบด้วย” นางสาวจิรวรากล่าว