เจ้าสัวสหพัฒน์ย้ำไม่กังวลการเมือง “พ่อค้าต้องปรับตัวได้” พร้อมสปีดลงทุนใหญ่

เจ้าสัวสหพัฒน์ บุญยสิทธิ์ โชควัฒนา

บุญยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ไม่หวั่นการเมือง ทั้งตั้งรัฐบาลช้า-รัฐบาลคนรุ่นใหม่ ย้ำพ่อค้าต้องปรับตัวได้ทุกสถานการณ์ แนะรัฐบาลใหม่เร่งพัฒนาเศรษฐกิจผ่านการศึกษา พร้อมชิงจังหวะเงินเฟ้อเดินหน้าลงทุนครั้งประวัติศาสตร์ 

วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 นายบุญยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของไทยกล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเปลี่ยนไปสู่รัฐบาลที่มีคณะทำงานเป็นคนรุ่นใหม่ หรือการจัดตั้งรัฐบาลที่อาจล่าช้านั้น น่ากังวลต่อธุรกิจของบริษัทน้อยกว่าการระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเครือสหพัฒน์นั้นเป็นพ่อค้า ซึ่งพ่อค้าต้องสามารถปรับตัวร่วมมือได้กับทุกรัฐบาล 

ตัวอย่างเช่น ขณะนี้สหพัฒน์เองผลักดันคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารงานด้านต่าง ๆ มากขึ้น ร่วมถึงงานสหกรุ๊ปแฟร์ครั้งที่ 27 ที่ฮอลล์ 98-100 ไบเทค บางนาช่วง 29 มิถุนายน-2 กรกฎาคม 2566 ซึ่งจะมีความเป็นวัยรุ่นมากขึ้น ทั้งการเปิดให้นำสัตว์เลี้ยงเข้างานได้ การนำทัพอินฟลูเอนเซอร์มาช่วยขยายฐานลูกค้า ฯลฯ 

 

แนะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการศึกษา

นายบุญยสิทธิ์ยังบอกอีกว่า ยังมีเรื่องที่ต้องจับตา อย่างการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ควรใช้การขึ้นค่าแรง เพราะจะส่งผลกระทบในวงกว้าง ทั้งต่อการท่องเที่ยว ซึ่งค่าแรงที่สูงขึ้นอาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมองว่าไทยมีค่าครองชีพสูง จนความดึงดูดลดลง เช่นเดียวกับการลงทุนของธุรกิจต่างประเทศ อย่างญี่ปุ่นอาจหันไปลงทุนในประเทศใกล้เคียงที่มีค่าแรงถูกกว่าอย่างเวียดนามแทน 

ดังนั้น ควรกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการศึกษาที่จะช่วยทำให้คนมีงานทำ พร้อมกับพัฒนาด้านการเกษตรให้สินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าอุตสาหกรรมด้านสุขภาพ ท่องเที่ยว และการสื่อสารจะเป็น 3 กลุ่มที่มาแรงในยุคหลังการระบาดของโรคโควิด-19

“การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวจนมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาต่อเนื่อง มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ไทยได้รับผลกระทบจากสภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลกน้อยกว่าประเทศอื่น ๆ”

 

เดินหน้าลงทุนครั้งประวัติศาสตร์

นายบุญยสิทธิ์ยังเปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรเพื่อลงทุนในธุรกิจใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน ด้วยเม็ดเงินที่สูงเป็นประวัติการณ์ รวมถึงยังมีโครงการลงทุนอื่น ๆ อีกหลายโครงการอยู่ในไปป์ไลน์ ซึ่งการทุ่มเม็ดเงินลงทุนนี้ เนื่องจากสภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกทำให้การเก็บเงินสดไว้ไม่เกิดประโยชน์ 

พร้อมกับการปรับตัวที่ขณะนี้โฟกัสเรื่องสิ่งแวดล้อม และการเพิ่มศักยภาพการผลิต ขนส่ง ฯลฯ ให้สามารถทำให้ราคาสินค้าถูกลง สวนทางกับเงินเฟ้อและการขึ้นค่าแรง


“สภาวะเงินเฟ้อทำให้ปีนี้ต้องเร่งสปีดการลงทุนให้เยอะเหมือนขับรถมัสแตง แม้ยังไม่มีรัฐบาล แต่เราไม่รอ ต้องเดินหน้าลงทุนเลย”