เปิดตัว 5 เบียร์ใหม่รับฤดูดื่ม คาราบาว ท้าชนลีโอ-ช้าง ชิง 2.6 แสนล้าน

เบียร์

ตลาดเบียร์ 2.6 แสนล้านระอุ ! รับหน้าขายปลายปี น้องใหม่ “คาราบาว กรุ๊ป” ทำเซอร์ไพรส์ เปิดตัว 2 แบรนด์ “คาราบาวเบียร์-ตะวันแดง” รวม 4 ตัว บุก 2 เซ็กเมนต์ มั่นใจแบรนด์แกร่ง-ช่องทางครบ คุณภาพดีราคาไม่แพง แข่งเจ้าตลาดได้ ด้านค่ายสิงห์ส่ง “89 CALS” เปิดเซ็กเมนต์ใหม่เจาะนักดื่มที่ต้องการจะควบคุมแคลอรี คนในวงการชี้เซ็กเมนต์อีโคโนมีแข่งขันสนุก “ลีโอ-ช้าง” มีคู่ต่อกรใหม่ที่ครบเครื่อง

ค่อย ๆ ฟื้นตัวและกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง สำหรับตลาดเบียร์ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากการท่องเที่ยวและการพื้นตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เมื่อช่วงปี 2563 และทำให้มูลค่าตลาดรวมที่เคยสูงถึง 2.9-3 แสนล้านบาท ลดลงไปอยู่ในระดับ 2.6 แสนล้านบาท ล่าสุด ค่ายเบียร์ต่าง ๆ เริ่มมีความเคลื่อนไหวในการเปิดตัวเบียร์ใหม่เข้าสู่ตลาดกันอย่างคึกคัก เพื่อรองรับหน้าขายสำคัญที่จะมาถึงในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ หลังจากที่ไม่ได้มีการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ตลอดช่วง 2-3 ปีที่โควิด-19 ระบาด

5 เบียร์ใหม่เขย่าตลาด

แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการเบียร์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ตลาดเบียร์เริ่มกลับมาคึกคักและมีสีสันมากขึ้น สะท้อนจากภาพความเคลื่อนไหวของค่ายเบียร์ที่เริ่มทยอยเปิดตัวเบียร์ตัวใหม่เข้าสู่ตลาด เพื่อรองรับหน้าขายไตรมาสสุดท้ายที่กำลังจะมาถึง ที่น่าสนใจ คือ ปลายปีนี้จะมีเบียร์ใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างน้อย ๆ 3 แบรนด์ 5 ตัว

โดยในจำนวนนี้เป็นของค่ายคาราบาว กรุ๊ป ที่อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นน้องใหม่ในตลาด 2 แบรนด์ 4 ตัว เพื่อเจาะตลาดใน 2 เซ็กเมนต์ คือ คาราบาวเบียร์ (Lager) 1 ตัว และเบียร์ดำ (Dunkle) 1 ตัว ส่วนอีกแบรนด์ คือ ตะวันแดง เป็นไวเซ่น (Weizen) และโรเซ่ (Rose) คาดว่าจะเริ่มทยอยวางตลาดตั้งแต่กลางเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป จากก่อนหน้านี้ที่ได้ประกาศแผนการรุกตลาดเบียร์มาเป็นระยะ ๆ

“เท่าที่เห็นจากรูปลักษณ์สีสัน กระป๋องและสลากของคาราบาวเบียร์ (ลาเกอร์เบียร์) ที่เน้นการใช้สีเขียว-ทอง และสัญลักษณ์กะโหลก-เขาควาย ในวงกลมแดงที่เป็นเอกลักษณ์ เบื้องต้นคาดว่าเบียร์ตัวนี้จะโฟกัสที่เซ็กเมนต์อีโคโนมี ส่วนตะวันแดงคาดว่าจะเป็นตัวที่ขึ้นไปเล่นในตลาดสแตนดาร์ดหรือพรีเมี่ยม แต่ทั้งนี้คงต้องรอดูว่าคาราบาวจะตั้งราคาไว้อย่างไร”

แหล่งข่าวให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ส่วนอีก 1 แบรนด์เป็นของค่ายสิงห์ ที่มีแผนจะลอนช์เบียร์ใหม่ชื่อ “89 CALS” เข้าสู่ตลาด ซึ่งถือเป็นการเปิดเบียร์เซ็กเมนต์ใหม่ คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 19-20 กันยายนเป็นต้นไป มีครบทั้งกระป๋องและขวด ฉลากเน้นโทนสีขาว-สีฟ้าเทอร์ควอยส์ โลโก้มีสัญลักษณ์สิงห์สีทอง อยู่บนตัวเลข 89 และจะมีคำว่า CALS เขียนอยู่ที่หางเลข 9

“นอกจากภาพการลอนช์เบียร์ดังใหม่ดังกล่าวแล้ว ก่อนหน้านี้ค่ายเบียร์ก็ได้ทยอยเปิดรับสมัครและอบรมพนักงานเชียร์เบียร์ (PG) เป็นระยะ ๆ เพื่อรองรับหน้าขายสำคัญ และส่งไปสนับสนุนร้านอาหาร สถานบันเทิงผับบาร์ต่าง ๆ”

“อีโคโนมี” ส่อแววแข่งเดือด

แหล่งข่าวจากวงการเบียร์อีกรายหนึ่ง แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า จากภาพความเคลื่อนไหวดังกล่าว จะทำให้ตลาดเบียร์ในช่วงไตรมาส 4 และอาจจะยาวไปจนถึงต้นปีที่เป็นเทศกาลเฉลิมฉลอง มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดในเซ็กเมนต์อีโคโนมี ที่มีลีโอ (บุญรอดฯ) ที่เป็นเจ้าตลาด และช้าง (ไทยเบฟฯ) เป็นคู่แข่งสำคัญ ซึ่งการเข้ามาของคาราบาวเบียร์หรือตะวันแดง ที่แม้จะเป็นแบรนด์น้องใหม่ แต่ในแง่แบรนด์นั้นถือว่ามีความแข็งแกร่งมาก

เนื่องจากผู้บริโภค recognize จำได้ รู้ที่มาที่ไปกันเป็นอย่างดี ฉะนั้นในเรื่องแบรนด์อะแวร์เนสจึงมีสูง ขณะเดียวกันก็มีเครือข่ายหรือช่องทางจำหน่ายที่ครอบคลุมอยู่แล้วในระดับหนึ่ง มีทั้งเอเย่นต์เครื่องดื่มชูกำลัง มีซีเจ เอ็กซ์เพรส และร้านเครือข่ายถูกดี มีมาตรฐาน ซึ่งอาจจะขาดอยู่ก็คือ ช่องทางออนพรีมิส หรือร้านอาหาร สถานบันเทิงกลางคืน แต่ที่สำคัญที่สุด คือ รสชาติ หากผ่านหรือเป็นที่ยอมรับก็ไม่ยาก แต่หากรสชาติมีปัญหาก็จะยาก

“เนื่องจากที่ผ่านมา ตลาดเบียร์การทำการตลาดมีอยู่ไม่กี่แบรนด์ และมีบางแบรนด์อาจจะแผ่ว ๆ ลงไป ดังนั้นก็จะเป็นโอกาสของแบรนด์ใหม่ที่จะเข้าตลาดได้ง่ายขึ้น และหากดูจากโปรดักต์ สีสัน เชื่อว่าน่าจะชนกันตรง ๆ กับช้างมากกว่าลีโอ และอาจจะกล่าวได้ว่า ในระยะถัดไป ใครจะขึ้นเบอร์ 2 ของตลาดอีโคโนมี”

ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด กล่าวในเรื่องนี้ว่า การมีเบียร์แบรนด์ใหม่เข้ามาในตลาดถือเป็นเรื่องดีและเป็นปัจจัยบวก ซึ่งจะช่วยให้ตลาดคึกคักขึ้น เติบโตมากขึ้น จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่มีเบียร์ออกใหม่เข้ามาในตลาด จะช่วยให้ภาพรวมตลาดเป็นบวก ซึ่งช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เป็นโลว์ซีซั่น ทั้งการเข้าสู่หน้าฝนและเข้าพรรษา ภาพรวมของตลาดเบียร์อาจจะชะลอตัวลงบ้าง

แต่หลังจากที่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ รวมทั้งนโยบายการแจกเงิน 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้เบียร์หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะไม่ได้รับอานิสงส์โดยตรง แต่เงินจำนวนนี้ก็จะทำให้เงินหมุนเวียนในระบบดีขึ้น ช่วยให้บรรยากาศการจับจ่ายคึกคักขึ้น

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขณะนี้ยังไม่เห็นราคาของคาราบาว-ตะวันแดง แต่หากดูจากสีสันกระป๋องก็คาดว่า ตัวคาราบาวเบียร์จะลงมาในตลาดอีโคโนมี ซึ่งก็จะชนกับทั้งช้างและลีโอ ดังนั้น ทั้งช้างและลีโอก็ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น

สำหรับการเปิดตัวแบรนด์ 89 CALS ของบุญรอดฯ เป็นการแตกเซ็กเมนต์ใหม่ของตลาดที่จะเน้นจับกลุ่มเป้าหมายกลุ่มคนดื่มเบียร์ที่ต้องการจะควบคุมแคลอรี
“คาราบาว” ลุยเต็มสูบ

นายเสถียร เสถียรธรรมะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เคยให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงแนวทางการรุกตลาดเบียร์เมื่อก่อนหน้านี้ว่า ปลายปีนี้จะมีเบียร์ออกมาทำตลาด ซึ่งที่ผ่านมาได้ลงทุนไปประมาณ 4,000 ล้านบาท ในการที่จะผลิตเบียร์ มีกำลังผลิตประมาณ 400 ล้านลิตรต่อปี ในเฟสแรกจะผลิตประมาณ 200 ล้านลิตร

ต่อคำถามที่ว่า มีความกังวลกับการที่เจ้าตลาดจะเตรียมรับน้องใหม่อย่างไรหรือไม่ นายเสถียรตอบว่า “…ก็ถือเป็นธรรมดา แต่ในแง่ธุรกิจคิดว่าการแข่งขัน ในแง่ขององค์กรก็จะได้แข็งแรง ถ้าไม่เคยแข่งขันกับใคร จะบอกได้อย่างไรว่าองค์กรเรามี performance หรือมีศักยภาพ มีความสามารถแค่ไหน หรือในแง่ของการโฆษณาประชาสัมพันธ์หรือทำการตลาดที่ไม่สามารถทำได้ ก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะที่ผ่านมาบริษัทก็มีประสบการณ์กับการทำเหล้ามาก่อน และตอนนี้ในแง่ของยอดขายก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ”

พร้อมกับย้ำว่า “ที่สามารถทำได้หลัก ๆ มาจากการที่บริษัทมีโครงข่ายของการจัดจำหน่าย คือ บรรดาเอเย่นต์ ที่ขายเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวและเหล้า ประกอบกับการมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทำให้สามารถที่จะทำสินค้าที่มีคุณภาพดี แล้วราคาไม่แพงได้ ก็ทำให้เรามีจุดที่จะแข่งขันได้ นอกจากเราจะมีโครงข่ายของการจัดจำหน่ายที่ดีอยู่แล้ว

อีกอันหนึ่งว่าเรามีแบรนด์ ไม่ว่าจะใช้แบรนด์ โรงเบียร์เราก็ทำมา 20 กว่าปี คนที่มากินเบียร์ที่โรงเบียร์ก็น่าจะหลายล้านคน ในช่วง 20 ปี ตอนนี้ร้านค้าปลีกที่อยู่ในเครือข่าย 100,000 กว่าร้านค้า อันนี้ก็จะเป็นช่องทางที่เราวางสินค้าใหม่เข้าไป แล้วตอนนี้เราก็ยังโชคดีที่ผมมีร้านถูกดีด้วย ตอนนี้ถูกดี เราก็มี 5,000 กว่าร้านค้าแล้ว อันนี้ก็เป็นช่องทางในการกระจายสินค้าด้วย”