“สยามพิวรรธน์” ขยายธุรกิจบุกต่างประเทศ

สยามพิวรรธน์
สยามพิวรรธน์

กลุ่มสยามพิวรรธน์ เผยผลประกอบการ รายได้ 6 เดือนแรกของปี 2566 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เติบโตกว่า 25% ประกาศเตรียมขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ย้ำภาพ ผู้นำการพัฒนาโครงการจุดหมายปลายทางที่ประสบความสำเร็จและมีความสำคัญระดับโลก (World-class Destination) พร้อมเร่งวางแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ตั้ง บล.เกียรตินาคินภัทร-บล.กสิกรไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อช่วยปรับโครงสร้างและวางแผนทางการเงิน ศึกษาเรื่องการระดมทุน-เข้าตลาดหุ้น

ชฎาทิพ จูตระกูล
ชฎาทิพ จูตระกูล
สยามพิวรรธน์
สยามพิวรรธน์

นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหาร สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้เติบโตกว่า 25% จากปี 2565 ขณะที่จำนวนผู้เข้าใช้บริการที่ศูนย์การค้าในกลุ่มวันสยาม อันประกอบด้วย สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่มีจำนวนมากถึง 45 ล้านคน หรือเติบโตกว่า 50% จากปีที่ผ่านมา

ขณะที่ในส่วนของไอคอนสยาม ที่ในปัจจุบันเป็นที่กล่าวขวัญถึงอย่างมากในหลายประเทศ ว่าเป็นโครงการที่เป็นต้นแบบของการพัฒนาโครงการเมือง ที่รวบรวมความครบครันของการช็อปปิ้ง เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ศิลปวัฒนธรรม และนวัตกรรมที่อำนวยความสะดวกสบาย โรงแรมและคอนโดมิเนียมที่อยู่อาศัยเหนือระดับ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่ รองรับด้วยการสัญจรที่เชื่อมต่อระบบรถ ราง เรือ เข้าด้วยกันอย่างลงตัว

อีกทั้งเป็นจุดหมายสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้อยากมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากนั้น ซึ่งปัจจุบันไอคอนสยามมีจำนวนลูกค้าวันละ 100,000 คน และใน 6 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนผู้ที่มาใช้บริการในไอคอนสยามทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมกันถึง 15.5 ล้านคนซึ่งเติบโตจากปี 2565 อย่างมากถึง 70%

“ปัจจุบันวงการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก เริ่มมีการตื่นตัวหลังจากผ่านพ้นวิกฤตการณ์โควิด-19 ทั้งนี้ ในระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมานั้น สยามพิวรรธน์ได้รับการติดต่อจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับต้น ๆ จากหลายประเทศที่เดินทางมาเยี่ยมชมศูนย์การค้าต่าง ๆ ของสยามพิวรรธน์เป็นจำนวนมาก และได้แสดงความประสงค์ที่จะให้สยามพิวรรธน์ไปร่วมลงทุน เพื่อสร้างโครงการที่เป็นแลนด์มาร์กในประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย” นางชฎาทิพกล่าวต่อไปว่า

ขณะนี้บริษัทอยู่ในระหว่างการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ซึ่งนอกจากจะมีแผนการลงทุนภายในประเทศแล้ว คณะกรรมการบริษัทเห็นชอบที่จะศึกษาการขยายธุรกิจไปต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะทำแผนเสร็จสมบูรณ์และประกาศได้ต้นปี 2567

นอกจากนี้เพื่อรองรับแผนยุทธศาสตร์และการขยายธุรกิจระยะยาว บริษัทจึงได้ลงนามแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน ภัทร จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อช่วยปรับโครงสร้างและวางแผนทางการเงินศึกษาเรื่องการระดมทุนที่เหมาะสม รวมทั้งความเป็นไปได้ในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในอนาคต

“การที่สยามพิวรรธน์ได้รับการทาบทามให้ไปร่วมลงทุนกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในหลายประเทศนั้น ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งและเป็นบทพิสูจน์ว่า งานของสยามพิวรรธน์ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัยด้วยคอนเซ็ปต์แปลกใหม่และเป็นจุดหมายปลายทางที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของประเทศ สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศในสาขาต่าง ๆ บนเวทีโลก สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คน และล้วนแต่เป็นโครงการที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยตลอดมาในวันนี้สยามพิวรรธน์พร้อมแล้วที่จะก้าวออกไปต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศด้วยความมั่นใจ” นางชฎาทิพกล่าวในตอนท้าย