“แดรี่ควีน” ไม่หวั่นแบรนด์จีนปูพรมสาขา-ยึดทำเลใหม่

ธนกฤต กิตติพนาชนม์
ธนกฤต กิตติพนาชนม์

“แดรี่ควีน” ย้ำเจ้าตลาดไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ ประกาศเปิดเกมรุก-เร่งเครื่องปรับโฉมร้าน-เพิ่มคอนเซ็ปต์ใหม่ เพิ่มความโมเดิร์นเจาะกลุ่มนิวเจน ชูโมเดล “DQ Lounge-EV Truck” เขย่าตลาด พร้อมเดินหน้าขยายสาขา ลั่นครบ 1,000 สาขา ใน 5 ปี มั่นใจสิ้นปีโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 30%

นายธนกฤต กิตติพนาชนม์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไมเนอร์ ดีคิว จำกัด บริษัทในเครือไมเนอร์ กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจร้านไอศกรีม “แดรี่ควีน” เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาพรวมตลาดไอศกรีมมีมูลค่าตลาด 2.5 หมื่นล้านบาท โดยแดรี่ควีนมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 30-40% ของตลาดไอศกรีม Unpack ที่มีมูลค่าตลาดประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

ปัจจุบันแม้ว่าจะมีผู้เล่นรายใหม่ โดยเฉพาะผู้เล่นจากประเทศจีนที่ได้เข้ามาทำตลาดมากขึ้น แต่แดรี่ควีนก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยการดำเนินงานของแดรี่ควีนในปี 2566 ที่ผ่านมา ภาพรวมมีการเติบโตอยู่ที่ 70% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่ฟื้นจากวิกฤตการระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นการเติบโตเกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ในขณะที่ตั้งแต่ปี 2564-2566 ภาพรวมมีการเติบโตขึ้นกว่า 30%

ทั้งนี้ เป็นผลจากการดำเนินกลยุทธ์ที่เน้นการตอบโจทย์ผู้บริโภค ด้วยเมนูแปลกใหม่และรสชาติที่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นเมนูบลิซซาร์ดข้าวเหนียวมะม่วงน้ำกะทิ เมนูบลิซซาร์ดโอวัลตินภูเขาไฟ ที่สร้างยอดขายในประเทศไทยได้มากกว่า 1 ล้านถ้วยภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน และเมนูบลิซซาร์ดปังกรอบชาไทย ที่ได้รับกระแสตอบรับดีจนสามารถทำยอดขายนิวไฮ นำไปสู่กระแสเรียกร้องจากผู้บริโภคให้นำกลับมาวางจำหน่ายอีกครั้ง

รวมถึงการออกโปรโมชั่นส่งเสริมการขายเพื่อขยายฐานกลุ่มผู้บริโภคหน้าใหม่เพิ่มขึ้น พร้อมกับการขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันแดรี่ควีนมี 520 สาขาทั่วประเทศ เป็นสาขาแฟรนไชส์ 290 สาขา และสาขาของบริษัท 230 สาขา

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2567 แดรี่ควีนตั้งเป้ามุ่งสู่การเป็น “The playground for a sweet pause” หรือ ที่ที่ให้คุณได้แวะพัก เติมพลังให้กับชีวิต ผ่านการปรับโฉมแบรนด์ครั้งใหม่ ภายใต้แคแร็กเตอร์ ทันสมัย รักสนุกและมีพลัง ควบคู่กับการดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดที่หลากหลาย อาทิ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น การเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแบรนด์ด้วยการสั่งเมนูผ่าน QR Code พร้อมชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ เพื่อความสะดวกเพิ่มเติมสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่

Advertisment

รวมถึงการให้บริการในรูปแบบใหม่ EV Truck เพื่อให้บริการแบบเคลื่อนที่ ที่จะมาเพิ่มช่องทางในการช่วยให้แบรนด์และสินค้าเข้าถึงผู้บริโภคในพื้นที่เป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น เบื้องต้นจะส่งรถ EV Truck ไปทดลองตลาดในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 1 คัน และถ้าหากมีผลตอบรับที่ดีก็อาจจะมีการขยายไปในแต่ละจังหวัด จังหวัดละ 1 คัน ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 5 คัน

นอกจากนี้ แดรี่ควีนยังได้วางกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์และเมนูต่าง ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ความอร่อยใหม่ ผ่านการปรับโฉมรูปแบบร้านในคอนเซ็ปต์ “DQ Lounge Concept” ที่เป็นบรรยากาศสุดโมเดิร์น จะเน้นให้มีพื้นที่นั่งในร้านมากขึ้น หรือมีสัดส่วนประมาณ 50% ของพื้นที่ภายในร้าน เพื่อที่จะให้ลูกค้าสามารถมีพื้นที่นั่งพักผ่อน และมีประสบการณ์ภายในร้านมากยิ่งขึ้น

Advertisment

รวมถึงการมีเมนูพิเศษที่จะมีจำหน่ายเฉพาะที่ DQ Lounge เท่านั้น อาทิ เบเกอรี่ และพาร์เฟต์ นำร่องให้บริการสาขาแรกที่ร้านแดรี่ควีน ชั้น 1 เซ็นทรัล เวสต์เกต เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา และปีนี้มีแพลนจะเปิดรูปแบบ DQ Lounge เพิ่มอีก 1 สาขา ที่ Future Park & Zpell รังสิต

“สำหรับแผนระยะยาวตั้งเป้าอยากให้มี 1 สาขาทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยในต่างจังหวัดจะเน้นเปิด 1 สาขาต่อหนึ่งจังหวัดก่อน แต่สำหรับในกรุงเทพฯ จะเน้นเปิดในทุกห้างที่เป็นห้างพรีเมี่ยม ซึ่งคาดจะใช้งบฯ ลงทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากงบฯที่ต้องใช้ลงทุนร้านรูปแบบคีออสก์ที่อยู่ราว ๆ 3-3.5 ล้านบาทต่อสาขา”

ในส่วนของร้านแดรี่ควีนที่เป็นคีออสก์ หรือ Grab&Go ปีนี้จะขยายสาขาเพิ่มอีก 10 สาขา เป็นบริษัทขยายเอง 7 สาขา และแฟรนไชส์ 3 สาขา พร้อมเร่งทยอยปรับโฉมร้านใหม่จำนวน 80 สาขา ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายถึง 15% ของยอดขายทั้งหมด และภายใน 5 ปี คาดว่าเปิดครบ 1,000 สาขา พร้อมกันนี้ แดรี่ควีนยังมีแผนขยายสาขาเข้าไปยังอาคารสำนักงาน มหาวิทยาลัย และร้านขายส่งเพิ่มเติม เพื่อสร้างการเข้าถึงและใกล้ชิดกลุ่มผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น

“ปีนี้แดรี่ควีนก็จะหันมาโฟกัสการทำการตลาดในส่วนของพอร์ตเครื่องดื่ม และเค้กมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำการตลาดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย หรือการออกเมนูใหม่ ๆ ซึ่งปัจจุบันพอร์ตโฟลิโอจะแบ่งเป็นไอศกรีม สัดส่วน 65% เค้ก สัดส่วน 20% และเครื่องดื่ม สัดส่วน 10% จากการดำเนินกลยุทธ์ข้างต้น คาดว่าจะช่วยผลักดันการเติบโตในระดับดับเบิลดิจิต หรือประมาณ 30% เพื่อตอกย้ำการเป็นเจ้าตลาดและเป็นแบรนด์ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟอันดับ 1” นายธนกฤตกล่าวย้ำ