ร้อนมหาโหดดันแอร์โต 20% ปูพรมรุ่นใหม่โปรแรง-ชู AI ชิง3หมื่นล้าน

เครื่องปรับอากาศ

แอร์คึกคักรับร้อนมหาโหด ลุ้นตลาดรวมโตพุ่ง 20% ทะลุ 3 หมื่นล้าน คาดคนซื้อ-เปลี่ยนแอร์ใหม่สูงเป็นประวัติการณ์ แอร์ราคา 1.2-1.6 หมื่นบาท มาแรง ดีมานด์พุ่ง ค่ายแอร์ประกาศปูพรมเปิดตัวรุ่นใหม่ลงสนามชิงโอกาสทอง ชูฟังก์ชั่น AI ประหยัดไฟ พร้อมระดมโปรโมชั่นสารพัดลูกเล่น ชิงทั้งลูกค้า-ร้านแอร์ ทั้งเก่าแลกใหม่ บันเดิล ผ่อน 0%

หน้าร้อนปีนี้จะเป็นอีกปีที่เครื่องใช้ไฟฟ้าค่ายต่าง ๆ คาดการณ์ว่า ตลาดแอร์จะดีมานด์มากขึ้น ด้วยปัจจัยบวกของสภาพอากาศที่กรมอุตุนิยมฯคาดการณ์ว่า จะร้อนมากกว่าหลายปีที่ผ่านมา และจะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป และร้อนยาวนานขึ้น อุณหภูมิอาจจะทะลุ 45 องศาเซลเซียส

ซึ่งนอกจากจะเป็นตัวแปรของการซื้อแอร์เครื่องแรกหรือซื้อเพิ่มแล้ว ยังอาจจะทำให้มีความต้องการในการซื้อแอร์เพื่อทดแทนเครื่องเก่าด้วย และอาจจะกล่าวได้ว่า นี่คือช่วงนาทีทองที่ค่ายต่าง ๆ จะไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปง่าย ๆ

ปี’67 คนเปลี่ยนแอร์บ่อยขึ้น

นายวรุตม์ เลขะจิระกุล ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาด บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในปี 2567 นี้มีความเป็นไปได้ที่การเปลี่ยนแอร์ใหม่ทดแทนเครื่องเดิมจะเกิดขึ้นบ่อยกว่าช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอย่างชัดเจน เนื่องจากมีหลายปัจจัยมากระตุ้นการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศร้อนจัดและร้อนนานกว่าปกติ ร่วมกับการสร้างการรับรู้เรื่องฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ ซึ่งเน้นเรื่องความประหยัดไฟมากขึ้น ทำให้แนวโน้มที่ผู้บริโภคจะตัดสินใจเปลี่ยนแอร์ใหม่ในปีนี้สูงเป็นพิเศษ และคาดว่าดีมานด์แอร์ในต่างจังหวัดจะสูงขึ้น โดยเฉพาะเขต EEC หรือจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง

แนวโน้มการเปลี่ยนแอร์ใหม่ที่ประหยัดไฟมากขึ้นเพื่อแทนเครื่องเก่านี้ เมื่อรวมกับการซื้อแอร์ใหม่ตามปกติและดีมานด์จากต่างจังหวัด คาดว่าจะทำให้มูลค่าตลาดแอร์บ้านปี 2567 นี้ อาจพุ่งสูงขึ้นอีก 20% แตะระดับ 3 หมื่นล้านบาท และกลับมาอยู่ในระดับเดียวกันหรือสูงกว่าช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 หลังปี 2566 ที่ผ่านมาตลาดแอร์บ้านโตประมาณ 15%

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดยังคงสูงขึ้นไปอีก ด้วยจำนวนแบรนด์แอร์ซึ่งปี 2567 นี้มีมากถึง 56 แบรนด์ เพิ่มจาก 38 แบรนด์ เมื่อปี 2562 และยังมีหน้าใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี

แอร์ราคาถูก-ประหยัดไฟโตพุ่ง

นายวรุตม์กล่าวว่า โดยสินค้าขายดีเชื่อว่าจะเป็นกลุ่มแอร์ราคาจับต้องง่าย เช่น แอร์ขนาด 1.2 หมื่นบีทียู ที่ราคาถูกกว่า 1.6 หมื่นบาท เช่นเดียวกับปีที่แล้ว เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจยังคงทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่าย และปริมาณสินค้าในระดับราคานี้จากแบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 45% ของตลาดแอร์ อย่างไรก็ตาม สัดส่วนอาจลดลงเนื่องจากกระแสความสนใจเรื่องความประหยัดไฟทำให้ผู้บริโภคหันไปซื้อแอร์ราคาสูงขึ้นแต่ประหยัดไฟมากกว่า

สำหรับทิศทางของบริษัท หลัก ๆ จะเป็นเรื่องไลน์อัพแอร์ที่เน้นเรื่องการประหยัดไฟ เริ่มด้วยการใช้ชื่อรุ่น Daikin MAX Inverter Star Series เพื่อย้ำจุดเด่นอย่างการได้ฉลากเบอร์ 5 แบบมีดาวตั้งแต่ 1-5 ดวง ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นอย่าง KQ ที่ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบ 1 ดาว ไปจนถึง KZ ซึ่งได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบ 5 ดาว รวมถึงขยายระยะเวลารับประกัน 5 ปี สำหรับเครื่องปรับอากาศติดผนัง Series Y ทุกรุ่นโดยไดกิ้นจะใช้งบฯการตลาด 150 ล้านบาท จัดแคมเปญ โปรโมชั่นและกิจกรรมอย่างเต็มที่ โดยมี ณเดชน์ คูกิมิยะ และบิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล เป็นพรีเซ็นเตอร์เช่นเดิม เพื่อเน้นย้ำจุดแข็งด้านเย็นเร็ว ความทนทานและความเงียบ ตั้งเป้ายอดขายเติบโตสูงกว่าตลาดและมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจาก 16-17% เป็น 20%

นายชิซุโอะ นาคาสึคาสะ กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริคฯ เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ายอดขายเครื่องปรับอากาศปีนี้จะสามารถเติบโตได้ถึง 30% โดยกลยุทธ์การตลาดสำคัญคือ การนำเสนอเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการ โดยเฉพาะการเย็นเร็ว และประหยัดไฟยิ่งขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยปีนี้จะมีการเปิดตัวแอร์ใหม่ อาทิ มิสเตอร์สลิม ระบบอินเวอร์เตอร์ ในรุ่น XY Series ด้วยเทคโนโลยีล่าสุด Fast Cooling Plus ที่ทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับโดยคำนวณจากอุณหภูมิภายในห้อง หรือรุ่น GY Series ที่มีดีไซน์หรูหราขึ้น นอกจากนี้ เครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ทุกรุ่นได้พัฒนาให้คุณภาพอากาศภายในห้องดียิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่ม “V-Air Filter” และ “PM 2.5 Filter” แผ่นกรองฝุ่นที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเฉพาะ สามารถกำจัดไวรัส แบคทีเรีย และดักจับฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างดี

แห่ดึง AI ช่วยประหยัดไฟ

นายอำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในเรื่องนี้ว่า ปีนี้แอร์ระดับราคาประมาณ 1.19 หมื่นบาทขึ้นไป สำหรับขนาด 1.3 หมื่นบีทียู จะเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงสุด

ขณะที่แอร์ที่มีจุดเด่นด้านประหยัดไฟจะได้รับความสนใจมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากสถานการณ์ค่าไฟฟ้าและฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ โดยเฉพาะจากกลุ่มเปลี่ยนทดแทนเครื่องเดิม ซึ่งอาจผลักดันตลาดแอร์ให้เติบโตได้มากถึง 20% เป็น 34,327 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 หลังตลาดแอร์หดตัว 3 ปีซ้อนช่วงปี 2563-2565 จนมูลค่าลดลงไปเหลือ 22,567 ล้านบาท

สำหรับแอลจีที่ตั้งเป้าจะขึ้นเป็นท็อป 5 ของตลาดแอร์ จะเน้นจุดเด่นด้านการประหยัดไฟ ด้วย 2 ไฮไลต์ คือ แอร์รุ่นเรือธง Dualcool Elite ที่ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบ 5 ดาว เปิดตัวในไทยเป็นประเทศแรกของโลก และจะเริ่มวางจำหน่ายช่วงเดือนมีนาคม 2567 นี้

ส่วนอีกไฮไลต์คือ ระบบกิโลวัตต์แมเนเจอร์ (kW Manager) ที่ใช้ AI ควบคุมการทำงานทั้งอุณหภูมิ ความแรงลม ฯลฯ ซึ่งฟังก์ชั่นนี้สามารถใช้ได้กับแอร์หลายรุ่น อาทิ Elitr, Prime, Artcool และ Smart รวมแอร์รุ่นใหม่ยังได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 อย่างน้อย 1 ดาวทุกรุ่น

โดยจะทุ่มงบฯ 200 ล้านบาท จัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็น เก่าแลกใหม่, จัดชุดขายคู่กับเครื่องฟอกอากาศ, ผ่อน 0% ฯลฯ จัดกิจกรรมกระตุ้นการขายหน้าร้านคู่ค้าทั่วประเทศ ฯลฯ เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เติบโต 40% จากมูลค่า 2.6 พันล้านบาทของปีก่อน

นางสาวอภิรดี พหลเวชช์ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจเครื่องปรับอากาศ บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า การประหยัดพลังงาน เป็นจุดขายสำคัญของซัมซุง โดยมีการนำ AI มาใช้ในชื่อ AI Energy ซึ่ง AI จะวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ สภาพอากาศทั้งในและนอกห้อง เพื่อปรับความเย็นของแอร์โดยอัตโนมัติ ทำให้ประหยัดไฟมากกว่าฟังก์ชั่น AI Auto Cooling เดิม ส่วนสินค้าไฮไลต์ อาทิ รุ่น WindFree Premium Energy ที่ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบ 5 ดาว

ขณะที่รุ่นอื่น ๆ ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ทุกตัว ไม่ว่าจะเป็น Premium Energy, AI Energy และ S-Inverter Eco Plus และทุกรุ่นยังมีฟังก์ชั่น Freeze Wash ล้างแผงคอยล์เย็นอัตโนมัติ พร้อมขยายการรับประกันเป็นค่าแรง ค่าอะไหล่ นานสูงสุด 5 ปี และรับประกันคอมเพรสเซอร์นาน 10 ปี รวมถึงโปรโมชั่น เช่น ให้ส่วนลดสูงสุด 15% เก่าแลกใหม่รับส่วนลดสูงสุด 1 หมื่นบาท (ถึง 29 ก.พ. 67) ทั้งนี้ ตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 25%

ครัวเรือนหันติดแอร์พาณิชย์

นางสาวอภิรดีกล่าวอีกว่า นอกจากนี้เพื่อรองรับเทรนด์ที่มีผู้บริโภคกลุ่มครัวเรือนนิยมนำแอร์เชิงพาณิชย์แบบฝังฝ้าหรือแบบคาสเซต (Cassette) มาติดในห้องขนาดใหญ่มากขึ้น ซัมซุง ได้มีการอัพเกรดแอร์แบบคาสเซตเพื่อตอบโจทย์นี้มากขึ้น เช่น มี WiFi ทุกรุ่นโดยไม่ต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่ม และมีหน้ากาก PM 1.0 ที่เลือกซื้อเพิ่มได้ โดยยังคงมีดีไซน์เหมาะกับการแต่งบ้าน รวมถึงส่วนลด 20% จากราคาเปิดตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังมีแอร์อีกหลายค่ายที่หันมาให้ความสำคัญกับแอร์เชิงพาณิชย์ เช่น ไดกิ้น SKY AIR รุ่นใหม่ ที่ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 5 ดาว ถึง 16 รุ่น เช่นเดียวกับแอลจี ที่พัฒนาแอร์เชิงพาณิชย์ที่สามารถใช้กับบ้านได้ด้วย โดยมีแอร์เชิงพาณิชย์ 5 รุ่น อาทิ แบบฝังฝ้าพร้อมกระจายลมรอบทิศทาง, แบบฝังฝ้า 4 ทิศทาง, แบบฝังฝ้า 1 ทิศทาง, แบบแขวนใต้ฝ้า เครื่องปรับอากาศแบบตู้ตั้งพื้น และเครื่องปรับอากาศแบบท่อลมซ่อนใต้ฝ้า