
บมจ.โอสถสภา หรือ OSP เปิดแผนยุทธศาสตร์ปี 2025 เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก ตอกย้ำกลยุทธ์ความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ (Brand Portfolio) ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มต่าง ๆ เร่งเครื่องผลักดันธุรกิจเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและลูกอมให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการตลาดที่ก้าวล้ำนำเทรนด์ พร้อมเสริมทัพทีมผู้บริหาร ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำตลาดสินค้าอุปโภคของไทย
เสริมพอร์ตโฟลิโอ ต่อยอดแบรนด์ศักยภาพ ขยายสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่
โอสถสภามีจุดแข็งในการมีพอร์ตโฟลิโอสินค้าที่หลากหลาย พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ตอบรับความต้องการของ Gen Z, มิลเลนเนียล และผู้สูงอายุ และเทรนด์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
ผลักดันการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลัง และตอกย้ำตำแหน่งผู้นำอันดับ 1 ของ M-150 ที่อยู่คู่คนไทยทุกอาชีพ ทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ หลากหลายราคา ตอบโจทย์ความต้องการพลังงานที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ M-150 ขวดแก้วราคา 12 บาท, รสน้ำผึ้งราคา 10 บาท, M-Sparkling ในรูปแบบกระป๋องอัดก๊าซ ราคา 20 บาท
และล่าสุดออกแคมเปญฉลอง 40 ปี M-150 ฝาเหลืองลิมิเต็ดเอดิชั่นราคา 10 บาท เพื่อตอบแทนผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มต่างจังหวัดที่ได้รับความกดดันด้านรายได้ นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมแผนสร้างการเติบโตให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ M-150 ต่อเนื่องตลอดปี พร้อมขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ ๆ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง
เดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมขยายพอร์ตเครื่องดื่มฟังก์ชั่นนอลดริงก์ ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่และเทรนด์สุขภาพ โดยมี ”ซีวิท” ซึ่งโอสถสภาเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของวิตามินซี และ “เปปทีน” ที่เป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มบำรุงสมองและกำลังเติบโตอย่างโดดเด่น
ในขณะที่เครื่องดื่มคาลพิสก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังเตรียมส่งนวัตกรรมเครื่องดื่มออกสู่ตลาดอีกมากมาย อาทิ เครื่องดื่มแก้แฮงซึ่งมีโอกาสและศักยภาพสูง สอดรับกับมูลค่าตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทยที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และไลฟ์สไตล์การดื่มสังสรรค์ที่เริ่มกลับมาอีกครั้ง
สร้างการเติบโตกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล โดย “เบบี้มายด์” เป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์อาบน้ำสำหรับเด็ก และกำลังก้าวขึ้นชิงตำแหน่งผู้นำตลาดแป้งเด็ก พร้อมต่อยอดจุดแข็ง “ความอ่อนโยนและความหอม” ขยายสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ อาทิ เบบี้มายด์ แอนด์ บียอนด์ ที่ขยายตลาดให้ครอบคลุมทุกคนในครอบครัว และสร้างสรรค์กลยุทธ์การตลาดที่นำเทรนด์ เช่น Trendsetter Collaboration กับน้องหมีเนย Butterbear ในปีที่ผ่านมา ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่องในตลาดต่างประเทศ
สร้างการเติบโตของธุรกิจเครื่องดื่มในต่างประเทศ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นอกเหนือจากเมียนมาและลาวที่โอสถสภาเป็นผู้นำอันดับ 1 เริ่มรุกตลาดสู่เวียดนามซึ่งมีศักยภาพและอัตราการเติบโตสูง โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแบบ 2-in-1 Energy+Rehydration เพื่อสร้างความแตกต่างและตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ในเวียดนาม
เสริมทัพผู้บริหาร เสริมแกร่งธุรกิจ
โอสถสภาปรับเปลี่ยนองค์กรให้มีโครงสร้างและกระบวนการทำงานเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต เสริมทีมผู้บริหารด้านธุรกิจเครื่องดื่มโดยเฉพาะ เปลี่ยนจากการบริหารแบบ Functional Structure สู่ Category Structure อย่างชัดเจน เพื่อเสริมศักยภาพและเพิ่มความคล่องตัว
โดยมีคุณวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ควบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเครื่องดื่มในประเทศ (Group Chief Domestic Beverage Officer) นำทัพกำหนดทิศทางและวางกลยุทธ์ธุรกิจเครื่องดื่ม เสริมด้วย Chief Marketing & Innovation Officer นำทีมการวิจัยการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์, Chief Consumer & Category Officer ดูแลการตลาดและ Trade Marketing และ Chief Customer & Channel Officer พัฒนาและขยายศักยภาพช่องทางการจัดจำหน่าย
นอกจากนี้โอสถสภายังได้ทรานส์ฟอร์มองค์กร เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาบริหารจัดการข้อมูลและกระบวนการทำงาน ผลักดันเป้าหมายด้านความยั่งยืนอย่างเข้มข้น พร้อมเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรผ่านโมเดล “ACT” ซึ่งมุ่งเน้น Achievement (ความสำเร็จ), Consumer Focus (ชนะใจลูกค้า) และ Teamwork (คว้าชัยเป็นทีม) ที่จะทำให้พนักงานและองค์กรสามารถปรับตัว เติบโต และเผชิญความท้าทายที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
ไม่ใช่แค่เติบโต แต่ต้องสร้างอนาคต
คุณวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เปิดเผยว่า “โอสถสภาไม่ได้มองเพียงแค่การเติบโตในระยะสั้น แต่เราให้ความสำคัญกับการวางรากฐานเพื่อสร้างธุรกิจแห่งอนาคตด้วยแนวคิด Human Touch with Right Technology ที่ผสานความเข้าใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้งเข้ากับการเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด จะเป็นจุดแข็งที่ทำให้โอสถสภาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย สร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่า และเชื่อมต่อแบรนด์เข้ากับวิถีชีวิตผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างลงตัว ซึ่งจะทำให้โอสถสภาครองความเป็นผู้นำ และก้าวสู่เป้าหมายการเติบโตระยะยาวที่ตั้งไว้”